เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระพุทธ ยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๖ รอบ กองทัพบกหน่วยงาน ภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไป จึงได้ร่วมกันจัดตั้ง“ อุทยานประวัติศาสตร์สงคราม ๙ ทัพ “ ขึ้น ณ ทุ่งลาดหญ้า ตำบลช่องสะเดา อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความ เกี่ยวข้องกับสงครามครั้งสำคัญดัง กล่าว โดยมีความมุ่งหวังให้เป็นสถานศึกษาและท่องเที่ยว เชิงอนุรักษ์ เกี่ยวกับสงคราม ๙ ทัพ สำหรับผู้สนใจโดยทั่วไป โดยผู้บัญชาการทหารบก ได้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดอุทยาน ประวัติศาสตร์สงคราม ๙ ทัพ เมื่อ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓ สงคราม ๙ ทัพ เกิดขึ้น ภายหลังที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬา โลกมหาราช สถาปนากรุงเทพมหานครเป็นราชธานีได้ ๓ ปี คือในปี พ.ศ. ๒๓๒๘ พระเจ้าปดุงได้ ดำริจะตีไทยให้ย่อยยับเหมือนเมื่อครั้งอยุธยา เพราะไทยเพิ่งสร้างกรุงใหม่ จึงกรีธาทัพใหญ่มีกำลังพลทั้งสิ้น ๑๔๔,๐๐๐ คน แบ่งเป็น ๙ กองทัพ ยกเข้าตีประเทศไทยคราวเดียวกัน ๕ ทิศทาง ทั้งทางบกและทางเรือ
ทัพที่ ๑ เข้ามาทางหัวเมืองภาคใต้ โดยทัพบกเข้าตีตั้งแต่ ชุมพร ไชยา ไปจนถึงนครศรีธรรมราช ส่วนทัพเรือตีหัวเมืองชายทะเลตะวันตก ตั้งแต่เมืองตะกั่วป่า ตะกั่วทุ่ง ถึงถลาง
ทัพที่ ๒ เดินทัพจากเมืองทวาย เข้าทางด้านบ้องตี้เพื่อตีราชบุรี ทัพที่ ๓ ยกเข้ามาทางเมืองเชียงแสน เพื่อรุกรานหัวเมืองทางเหนือ เมื่อรุกเข้ามาแล้วแยกออกเป็น ๒ ส่วน ส่วนใหญ่ยกเข้าตีเมืองเชียงใหม่ แต่เชียงใหม่ขณะนั้นเป็นเมืองร้างจึงยกเข้าล้อมเมืองลำปาง อีกส่วนหนึ่งแยกลงมาตีสวรรคโลก สุโขทัย พิชัย พิษณุโลก แล้วมาตั้งค่ายที่ปากพิง
ทัพที่ ๔ , ๕ , ๖ , ๗ และ ๘ เข้าทางด่านเจดีย์สามองค์ มุ่งเข้าตีกรุงเทพฯ โดยทัพที่ ๔ และ ๕ เป็นทัพหน้าของทัพหลวง ทัพที่ ๖ และ ๗ มีราชบุตรของพระเจ้าปดุงเป็นแม่ทัพ ส่วนทัพที่ ๘ ซึ่งเป็นทัพหลวงมีพระเจ้าปดุงดำรงตำแหน่งแม่ทัพ
ทัพที่ ๙ เคลื่อนทัพเข้ามาทางด่านแม่ละเมา เพื่อเข้าตีเมืองตาก
กองทัพไทยได้เร่งระดมกำลังต่อสู้ข้าศึก แต่สามารถเกณฑ์ไพร่พลได้เพียง ๗๐,๐๐๐ คน ดังนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงได้โปรดเกล้าฯให้จัดทัพออกเป็น ๔ ทัพ โดยได้พิจารณาจัดวางกำลังทัพต่างๆ ดังนี้
ทัพที่ ๑ นำโดยเจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ ไปขัดตาทัพข้าศึกที่นครสวรรค์ ทัพที่ ๒ มีสมเด็จพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ทรงเป็นแม่ทัพ คุมกำลังมายัง ตำบลลาดหญ้า เมืองกาญจนบุรี เพื่อสกัดกั้นและทำลายกำลังส่วนใหญ่ของข้าศึก ที่เดินทัพเข้ามาทางด้านด่านเจดีย์สามองค์ ทัพที่ ๓ เจ้าพระยาธรรมา ( บุญรอด ) กับเจ้าพระยายมราช นำกำลังไปรักษาเส้นทางลำเลียง และป้องกันทางปีกของทัพที่ ๒ พร้อมสกัดกั้นข้าศึกที่ราชบุรี ทัพที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงคุมทัพหลวงอยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อป้องกันพระนคร และเป็นกองหนุนสำหรับส่งไปช่วย ด้านที่ถูกโจมตีหนัก พระบาทสมเด็จพระพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และสมเด็จพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ทรงใช้ยุทธศาสตร์และยุทธวิธีที่เหนือกว่าข้าศึก กล่าวคือใช้กำลังที่ยังไม่ต้องใช้ทำการรบแตกหักตรึงข้าศึกไว้ให้ได้ ( การดำเนินการต่อทัพพม่าที่เข้ามาทางด้านเหนือและด้านใต้ ) และใช้กำลังที่จะเข้าทำการรบแตกหักเข้าทำลายข้าศึก โดยอาศัยความได้เปรียบ จิตใจในการสู้รบ การส่งกำลังบำรุง ตลอดจนความริเริ่ม จนได้ชัยชนะต่อข้าศึก ( การรบที่ทุ่งลาดหญ้า ) สำหรับการรบที่ทุ่งลาดหญ้า ซึ่งเป็นการปฏิบัติการรบของกองทัพที่ ๒ และเป็นการรบที่มีสำคัญที่สุดของสงคราม ๙ ทัพ มีสมเด็จพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เป็นแม่ทัพ แม้ว่าจะมีกำลังพลที่น้อยกว่ามากถึง ๒ เท่าก็ตาม แต่ก็สามารถผลักดันข้าศึกที่มีกำลังมากกว่าออกจากแผ่นดินไทยได้สำเร็จ โดยใช้เวลาทั้งสิ้น 10 เดือน กว่าสงครามจะยุติลงกองทัพไทยเป็นฝ่ายชนะและรักษาเอกราชของชาติไว้ได้ สงครามครั้งนี้มีชื่อเรียกว่า “สงคราม 9 ทัพ”
ป้ายอุทยานประวัติศาสตร์สงคราม 9 ทัพ ถือเป็นอนุสรณ์ที่มีความหมาย โดยมีเสาธงชาติไทย 4 เสา ซึ่งหมายถึงกองทัพไทยทั้ง 4 กองทัพ ตั้งอยู่เหนือตอไม้ 9 ตอ ซึ่งหมายถึงทัพพม่าทั้ง 9 ทัพ นั่นหมายถึงว่าทัพไทยมีชัยชนะเหนือกองทัพพม่า
อุทยานประวัติศาสตร์สงคราม 9 ทัพ เหมาะสำหรับเป็นสถานที่ศึกษาหลักการใช้ภูมิประเทศ และเส้นทางเดินทัพ ตลอดจนการดำเนินกลยุทธ์ ซึ่งทำให้พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสีหนาท ผู้ทรงเป็นแม่ทัพ สามารถรบชนะข้าศึกซึ่งมีกำลังมากกว่าได้อย่างราบคาบภายในอาคารมีรูปปั้นของ “ปู่มั่น” และ “ปู่คง” ซึ่งเป็นทหารและชาวบ้านอาสามาสู้รบกับพม่า เมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน มีตู้จำลองขนาดย่อ และโต๊ะทรายแสดงภูมิประเทศจำลองเส้นทางการเดินทัพของข้าศึก และการตั้งรับของกองทัพไทยพร้อมคำอธิบายอยู่บริเวณโดยรอบอาคาร
ตรงกลางอาคารเป็นแผนที่นูนต่ำ บอกตำบลต่างๆ ของการรบ การจัดทัพของไทยและพม่า มีทีวีซึ่งจัดฉายวีดีทัศน์เกี่ยวกับสงครามเก้าทัพ
นอกจากนี้ยังมี หอสังเกตการณ์ ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาลาดกระทิง ภายในอุทยานฯ เป็นป้อมที่สร้างขึ้นเลียนแบบป้อมพระกาฬ ในกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ผู้ที่มีความสนใจประวัติศาสตร์เดินขึ้นไปสังเกต ภูมิประเทศต่างๆ หลังฟังคำบรรยาย เพื่อจะได้เข้าใจการเลือกใช้ภูมิประเทศในการเดินทัพ และจุดสกัดกั้นทัพพม่า ทำให้สามารถมองเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น และมีความเช้าใจมากขึ้น
|
สด. 8 ใบ สด.8 คือ สมุดประจำตัวของทหารกองหนุนที่ผ่านการเป็นทหารกองประจำการแล้วรวมทั้งผู้ที่สำเร็จการศึกษาวิชาทหารชั้นปี 3(รด) เป็นหนังสือสำคัญ ที่ติดมาพร้อมกับ สมุดประจำตัวทหารกองหนุนประเภทที่ ๑ สด.8 จะอยู่ในสมุดประจำตัวทหารกองหนุน พร้อมหนังสือสำคัญ(แบบ สด.8) หน้ากลางเล่ม เวลาใช้งานให้ถ่ายเอกสารหน้ากลางตรงส่วนที่ระบุว่า สด.8 ทั้งสองส่วน ซึ่งจะได้รับ สด. 8 เมื่อ รับราชการทหารกองประจำการ (คือ เป็นทหารเกณฑ์ ) จนครบกำหนดปลด เรียน รด. จบปี 3 (เพราะ จบ รด. ไม่ต้องไป เกณฑ์ทหาร และไม่ต้องเป็นทหารกองประจำการ ) เมื่อจบ รด.ปี 3 จะได้รับการขึ้นทะเบียนกองประจำการ และ นำปลด เป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 ในวันเดียวกัน โดยไม่ต้องไปรับราชการในกองประจำการ ( ไม่ต้องเป็นทหารเกณฑ์นั่นเอง ) แต่ ยังคงเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 การนับอายุของทหาร การนับอายุจะนับที่ปี พ.ศ. โดยเกิด 1 มกราคม ไปจนถึง เกิด 31 ธันวาคม ของปี ใดก็ตาม ถือว...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น