![]() วันที่ ๒๔ กันยายน ของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันทิวงคต (เสียชีวิต) ของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก (กรมหลวงสงขลานครินทร์)ได้รับการถวายพระสามัญนามจากพสกนิกรชาวไทยว่า ทรงเป็น "พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย" วันอันเป็นที่ระลึกสำคัญนี้คือ "วันมหิดล" เพื่อเป็นการถวายสักการะ และแสดงกตัญญูกตเวทีต่อพระองค์ท่าน โดยคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เนื่องจากพระราชกรณียกิจที่ได้ทรงบำเพ็ญแก่วงการแพทย์ และการสาธารณสุขของประเทศไทย ในช่วงตลอดระยะเวลา ๑๒ ปีนั้น อาทิเช่น ทรงเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาแพทย์ ทรงช่วยเหลือในการขยายกิจการของโรงพยาบาลศิริราช ประทานทรัพย์สินส่วนพระองค์ จัดสร้างตึกคนไข้,จัดหาที่พักสำหรับพยาบาลให้ได้อยู่อาศัย ทรงบริจาคทรัพย์เป็นทุนสำหรับส่งนักศึกษาแพทย์ และนักเรียนพยาบาลไปศึกษาต่อต่างประเทศ ประทานเงินเพื่อใช้ในการจัดหาเครื่องมือ สำหรับปฏิบัติการให้แก่โรงพยาบาล ทรงเป็นผู้แทนรัฐบาลติดต่อกับมูลนิธิรอคกี้เฟลเลอร์ สาขาเอเซียบูรพา ในการปรับปรุง และวางมาตรฐานการศึกษา ทรงอุทิศเวลาส่วนใหญ่ในการตรวจรักษาพยาบาลผู้ป่วยด้วยพระองค์เอง ซึ่งเป็นการรากฐานวิชาการแพทย์ และสร้างความเป็นปึกแผ่นให้แก่โรงเรียนแพทย์ พัฒนาการเรียนการสอนตลอดจนการผลิตแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุข. ให้เจริญพัฒนาก้าวหน้าทัดเทียมอารยะประเทศในช่วงที่พระองค์ยังมีพระชนม์ชีพ ตราบจนถึงปัจจุบันนี้การแพทย์แผนปัจจุบันของไทยเราก็ยังความทัดเทียมและได้รับการยกย่องจากนานาอารยะประเทศว่าการแพทย์ไทยมีคุณภาพและการสาธารณสุขไทยมีประสิทธิภาพดีที่สุดแห่งหนึ่ง ประชาชนมีสุขภาพดีพร้อมๆ ไปกับการพัฒนาประเทศ นอกจากนี้ยังพระดำรัสของพระองค์ท่านที่มีต่อนักเรียนแพทย์ในสมัยนั้นที่เป็นคำสอนที่เตือนสติให้แก่ แพทย์ บุคลากรทางแพทย์อย่างทรงคุณค่ามาถึงปัจจุบันนี้ ใน"วันมหิดล"ของทุกปี นักเรียนแพทย์ แพทย์ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทั่วทั้งประเทศจึงได้ร่วมกันรำลึกถึงคุณงามความดีที่พระองค์ท่านทรงบุกเบิกไว้ให้แก่ชาวไทย ![]() นับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๔ เป็นต้นมาจนถึงวันนี้ นอกจากนักเรียนแพทย์และนักเรียนด้านการแพทย์ในสาขาต่างๆ ทั่วประเทศจะได้ร่วมกันแสดงการถวายสักการะต่อหน้าพระรูปพระบรมราชชนกเพื่อน้อมเกล้าถวายความกตัญญูกตเวทีต่อสมเด็จพระบรมราชชนกแล้ว กิจกรรมอื่นๆ ในแต่ละที่ทั่วประเทศก็จะมีการร่วมกันจัดหาทุนทรัพย์เพื่อนำมาสนับสนุนกิจการของโรงพยาบาล และการหาทุนทรัพย์มาช่วยเหลือในค่าใช้จ่ายต่างๆ แก่ผู้ป่วยอนาถาอย่างที่เคยปฏิบัติสืบต่อกันมา ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคด้วย ประวัติสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก มีพระนามเดิมว่า สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2434 และเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 รวมพระชนมายุได้ 37 พรรษา 8 เดือน 23 วัน พระองค์ทรงสำเร็จการศึกษาวิชาทหารเรือ ณ ประเทศเยอรมัน จากนั้นทรงเสด็จกลับเข้ามารับราชการในกองทัพเรือ แต่ด้วยสุขภาพของพระองค์ไม่ดีนัก ทรงมีอาการประชวนเรื้อรัง จนทำให้ไม่สามารถรับราชการหนักเช่นทหารเรือได้ แต่ด้วยพระองค์ทรงสนพระทัยในกิจการด้านการแพทย์ จึงทรงพระอุตสาหะ เสด็จไปศึกษาวิชาการสาธารณสุขและ วิชาการแพทย์ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา และทรงได้ประกาศนียบัตรการสาธารณสุข และปริญญาแพทย์ศาสตร์ดุษฏีบัณฑิตเกียรตินิยม จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ![]() |
สด. 8 ใบ สด.8 คือ สมุดประจำตัวของทหารกองหนุนที่ผ่านการเป็นทหารกองประจำการแล้วรวมทั้งผู้ที่สำเร็จการศึกษาวิชาทหารชั้นปี 3(รด) เป็นหนังสือสำคัญ ที่ติดมาพร้อมกับ สมุดประจำตัวทหารกองหนุนประเภทที่ ๑ สด.8 จะอยู่ในสมุดประจำตัวทหารกองหนุน พร้อมหนังสือสำคัญ(แบบ สด.8) หน้ากลางเล่ม เวลาใช้งานให้ถ่ายเอกสารหน้ากลางตรงส่วนที่ระบุว่า สด.8 ทั้งสองส่วน ซึ่งจะได้รับ สด. 8 เมื่อ รับราชการทหารกองประจำการ (คือ เป็นทหารเกณฑ์ ) จนครบกำหนดปลด เรียน รด. จบปี 3 (เพราะ จบ รด. ไม่ต้องไป เกณฑ์ทหาร และไม่ต้องเป็นทหารกองประจำการ ) เมื่อจบ รด.ปี 3 จะได้รับการขึ้นทะเบียนกองประจำการ และ นำปลด เป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 ในวันเดียวกัน โดยไม่ต้องไปรับราชการในกองประจำการ ( ไม่ต้องเป็นทหารเกณฑ์นั่นเอง ) แต่ ยังคงเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 การนับอายุของทหาร การนับอายุจะนับที่ปี พ.ศ. โดยเกิด 1 มกราคม ไปจนถึง เกิด 31 ธันวาคม ของปี ใดก็ตาม ถือว...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น