คนไทยกี่คน จะรู้ว่า พระราชินีทรงต้องกระโดดจาก ฮ.ที่สูงเกือบ ๒ เมตรเหนือพื้นดิน
นิติพงษ์ ห่อนาค
ไม่รู้ฉันเคยเล่าเรื่องนี้หรือเปล่าแม่ประไพ…ฉันเคยเล่าให้เพื่อนฟังบ้าง เล่าให้น้องๆ ฟังบ้าง…แต่จำไม่ได้ว่าเคยเล่าให้แม่ประไพฟังไหม…
…แต่ถ้าเคยเล่าแล้ว ฉันก็ขอเล่าอีกละกัน…อย่าถือสาเลย..
เมื่อสี่สิบกว่าปีที่แล้ว…วัดทุกวัดที่ต้องมีการยกช่อฟ้าอุโบสถใหม่ในประเทศไทยเรานี้ ผู้ที่จะเป็นผู้กดปุ่มยกช่อฟ้าไปติดบนยอดอุโบสถ มีพระองค์เดียวเท่านั้น คือ พระเจ้าอยู่หัว..และตามเสด็จด้วยพระราชินี และพระเจ้าลูกยาเธอ พระเจ้าลูกเธอ…
…ตอนนั้นฉันอายุประมาณสิบสองขวบ ได้ยินข่าวว่า ในหลวงจะเสด็จมาพร้อมพระราชินี ที่วัดแถว ๆ อำเภอบ้านหมี่ มายกช่อฟ้า ฉันก็ชวนเพื่อนนั่งรถไปเลย จากอำเภอเมือง ไปถึงบ้านหมี่นี่ก็ไกลมากสำหรับเด็กสิบสองขวบ หลายสิบกิโลอยู่….
…มีที่นั่งกับพื้นตามรายทางที่จะเสด็จ มีเชือกกั้น ฉันก็ได้ไปอยู่แถวหน้าเชือกกั้นกับเพื่อน…
ถึงเวลาเสด็จ..ในหลวงก็เสด็จมาตามลาดพระบาท มีพระราชปฏิสันถารกับชาวบ้านสองข้างทางเดิน…
ในเวลานั้น ฉันเป็นเด็กพิการนิดหน่อย ตาซ้ายเสีย ใส่ตาปลอมพลาสติก แต่ยังดูไม่เรียบร้อย ตาโปนออกมาผิดปกติ ดูผิดสังเกตมาก…
ในหลวงเสด็จพระราชดำเนินผ่านไปปฏิสันถารกับราษฏรอีกฝั่งของทางเดิน…ส่วนสมเด็จพระราชินีนาถ สังเกตเห็นฉัน ว่าฉันไม่ปกติ..
จึงทรงหยุด…แล้วทรุดพระวรกายลงนั่ง ทอดพระเนตรมาที่ฉัน…
“ตาเป็นอะไรจ๊ะ….”
“ตาเสียครับ…”……ในเวลานั้นฉันตอบฉลาดกว่านี้ไม่ได้เลย
ในเวลาเดียวกันนั้น พระธิดา เจ้าฟ้าสิรินธร กับเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ก็ทรงย่อพระองค์ลงขนาบซ้ายขวาพระมารดา แล้วทอดพระเนตรมาที่ฉันคนเดียว
“ชอบเรียนหนังสือไหม”….พระราชินีทรงถามเด็กชายอายุสิบสอง
“ชอบครับ”….
“ดีละ…ตั้งใจเรียนให้เหมือนลูกสาวฉันสองคนนี้นะ จะได้เรียนให้เก่งๆ “
แล้วทั้งสามพระองค์ก็ทรงลุกขึ้น ตามเสด็จพระราชดำเนินในหลวงต่อไป…
มันลืมไม่ได้ดอกแม่ประไพ…จำได้แบบไฮเดฟินิชั่นเลย…
จำพระเนตรแห่งเมตตาได้…ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้…
จนผ่านไปสี่สิบปีกว่า…จากเด็กบ้านนอก มาถึงวันที่เติบโตเป็นที่ยอมรับ ก็ได้รับเชิญไปดูโขนพระราชทาน เมื่อหลายปีมานี่เอง…
บัตรเชิญที่ได้รับอยู่ตรงแถวติดกับทางเสด็จพระราชดำเนิน…ก็จะได้เข้าเฝ้าใกล้ชิด เวลาทรงเสด็จผ่านที่นั่งของฉัน ซึ่งอยู่สูงกว่าทางเดิน ก็คือ ที่นั่งของฉันต้องสูงกว่า เวลาท่านเสด็จผ่านที่นั่งของฉัน…ท่านจะอยู่ต่ำกว่า…
แล้วพระราชินีท่านก็เสด็จพระราชดำเนินผ่านที่นั่งของฉันที่สูงกว่า แล้วเงยพระพักตร์มาแย้มพระสรวลให้ ในระยะไม่เกินสองเมตร…
ฉันตัวลีบ….ที่สุดเท่าที่จะลีบได้แล้ว…
แต่จำได้เลยว่า นี่คือ รอยแย้มพระสรวลแห่งเมตตา ภาพเดียวกันกับที่ฉันเคยได้รับตอนเมื่อสี่สิบปีก่อนนั้น ไม่ต่างกันเลย….
อีกเรื่องคือเรื่องเล่าจากปากของท่านผู้หญิงที่เป็นนางสนองพระโอษฐ์… คนไทยกี่คนจะรู้…ว่า พระราชินี ทรงต้องกระโดดจากเฮลิคอปเตอร์ ที่สูงเกือบสองเมตรเหนือพื้นดิน เพราะหญ้าในป่ามันสูง จนเฮลิคอปเตอร์ลงไม่ได้…
เพื่อจะไปช่วยพวกผู้อพยพ ในฐานะองค์สภานายิกาสภากาชาดไทย…
เห็นที่ทรงต้องดูดีงาม เพื่อรักษาภาพราชินีของคนไทย ด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ไทย….
แต่มีคนไทยไม่มากหรอก ที่จะรู้ว่า พระแม่ราชินีของเรานี่ ทรงลำบากอะไรที่เราไม่เคยรู้เลย…
อยากให้คนไทยได้รู้เสียจริง
ให้รู้ว่า เรามีพระราชินีที่เมื่อถึงเวลาสง่างามก็สง่างาม เมื่อถึงเวลาที่ต้องกระโดดลงจากเครื่องบินก็ทรงทำ ถึงเวลาที่ทำงานหนักก็ต้องทำ
คนไทยเอย…บอกเลยนะ ถ้าวันนี้ในหลวงกับพระราชินี ไม่ต้องทรงต้องแบกภาระหน้าที่ขนาดนี้…ท่านคงจะทรงพระสำราญมากนักแล้ว
ในโลกนี้ไม่มีพระราชาองค์ใด สมบุกสมบันขนาดนี้
และ ไม่มีพระราชินีองค์ใด ที่ต้องทรงพลอยสมบุกสมบันขนาดนี้ด้วย
คำว่า ทรงพระเจริญ…พูดได้ตามความเหมาะสม…
แต่วันนี้…ฉันอยากพูดคำว่า….
นอกจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราจะขอร้องให้ช่วยดูแลพระพ่อพระแม่ของเรา
ฉันอยากให้…คนไทย หันกลับไปดูแลองค์พ่อองค์แม่ของเราให้มากที่สุด…
คนดี ๆ เรายังอยากเอาใจช่วยเลย…
แต่นี่คือ พ่อแม่ของเราและคนทั้งเมือง…ซึ่งมีแต่ให้…
ช่วยกันดูแลพ่อแม่หลวงเรากันนะ
…………………..
http://www.weloverta.net/news-detail.php?NewsId=39
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น