ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เรื่องดีดี ในวันดีดี ปาฏิหาริย์ในคืนวันตรุษจีน...

เรื่องดีดี ในวันดีดี
ปาฏิหาริย์ในคืนวันตรุษจีน...
.............................................

บริษัทแห่งหนึ่งมีธรรมเนียมปฏิบัติคือ คืนวันตรุษจีน..ของทุกๆ ปีจะมีการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ตอนกลางคืน และจะมีการจับรางวัลด้วย กฎของการจับรางวัลคือ พนักงานแต่ละคนจะมอบเงินคนละ 500 
บาท เพื่อสะสมเป็นกองทุน ทั้งบริษัทมีพนักงาน 300 คน ดังนั้นสามารถรวบรวมได้ 150,0
00 บาท...สำหรับชื่อผู้โชคดีที่ถูกจับฉลากได้ ก็จะสามารถนำเงินจำนวนนี้กลับบ้าน
ในวันจับฉลาก บรรยากาศในสำนักงานครึกครื้นมาก ...พนักงานแต่ละคน. ต่างก็เขียนชื่อลงในใบฉลาก แล้วใส่ลงไปในกล่อง ...แต่ว่า มีพนักงานหนุ่มคนหนึ่งขณะกำลังจะเขียนชื่อก็เกิดลังเลขึ้นมา เพราะเขาคิดถึงเรื่องๆ หนึ่ง คือ ลูกชายของแม่บ้านทำความสะอาดของบริษัทที่อ่อนแอและป่วยบ่อยกำลังจะผ่าตัดในเร็วๆ นี้ แต่หล่อนไม่มีเงินที่จะจ่ายค่าผ่าตัด ทำให้หล่อนกลุ้มใจมาก ดังนั้น แม้ว่าโอกาสที่จะถูกจับฉลากได้จะเลือนลาง มีโอกาสเพียงหนึ่งในสามร้อย แต่พนักงานหนุ่มคนนั้น..ก็ยังคงเขียนชื่อของแม่บ้านทำความสะอาดคนนั้นลงไปในใบฉลาก...

...ช่วงเวลาที่ตื่นเต้นมาถึงแล้ว ผู้จัดการได้ทำการพลิกและคนใบฉลากในกล่องจับฉลาก สุดท้ายจับใบฉลากขึ้นมาหนึ่งใบ พนักงานหนุ่มคนนั้นอธิษฐานในใจตลอดเวลาว่า ขอให้แม่บ้านทำความสะอาดคนนั้นได้รางวัลด้วยเถิด เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ประกาศชื่อของผู้ถูกรางวัลอย่างช้าๆ...

ปาฏิหารย์เกิดขึ้นจริงๆ!!...ผู้ที่ถูกรางวัลก็คือแม่บ้านทำความสะอาดคนนั้น เสียงโห่ร้องแสดงความยินดีดังทั่วสำนักงาน แม่บ้านจึงได้รีบขึ้นไปรับรางวัล หล่อนดีใจมากจนเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ และพูดด้วยความซาบซึ้งว่า...ฉันโชคดีจริงๆ เมื่อมีเงินก้อนนี้ ลูกชายของฉันก็มีความหวังแล้ว...

เมื่องานเลี้ยงสังสรรค์จบลง พนักงานหนุ่มคนนั้นที่ยังคงคิดถึงเรื่อง "ปาฏิหาริย์ในวันตรุษจีน" จึงได้เดินไปข้างๆ กล่องจับฉลาก เขาลองหยิบใบฉลากในกล่องจับฉลากขึ้นมาใบหนึ่ง เมื่อเหลือบมองอย่างไม่ตั้งใจ "...บนใบฉลากกลับเขียนชื่อของแม่บ้านทำความสะอาดคนนั้น." ...เขาเริ่มประหลาดใจ เลยหยิบขึ้นมาอีกหลายใบ ใบแล้ว...ใบเล่า...บนใบฉลากเหล่านั้นถึงแม้จะลายมือไม่เหมือนกัน แต่ล้วนเขียนชื่อที่เหมือนกัน ก็คือชื่อของแม่บ้านทำความสะอาดคนนั้น .........พนักงานหนุ่มถึงกับน้ำตาซึม เขาเข้าใจได้ทันทีว่า ในโลกนี้มีปาฏิหาริย์ในวันตรุษจีนจริงๆ เพียงแต่ว่า...

ปาฏิหาริย์ไม่ได้หล่นลงมาจากฟ้า แต่เป็นมนุษย์เราไปสร้างสรรค์ขึ้นมาเอง...ขอบคุณกำลังใจของทุกคนในโลกที่ร่วมแบ่งปันความเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์. แม้ว่าท่านจะกระทำได้เพียงมากน้อยเท่าไหร่ นั่นคือท่านได้กระทำแล้ว. ขอคุณความดีจงบังเกิด. มรรคผลตอบแทนต่อท่านผู้มีใจเอื้ออาทรด้วย..สาธุ...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ที่มาของคำว่า เสียหมา

  มีเรื่องเล่าที่อยากมาแชร์ แต่ไม่การันตีว่าจริงแท้แค่ไหนนะเออ.... ที่มาของคำว่า .....เสียหมา.... ** "เสียหมา"** แล้ว "เสียหมา" ทำไม? จึงหมายถึง "เสียฟอร์ม - เสียท่า" "เสียหมา" เกิดขึ้นในช่วงสงครามเวียดนามเมื่อประมาณ 30 - 40 ปีก่อน ตอนนั้นยังมี เวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ สหรัฐอเมริกาหนุนเวียดนามใต้ สู้กับเวียดนามเหนือ หรือพวก "เวียดกง" "เวียดกง" เป็นเจ้าของกลยุทธ์ การสู้รบแบบ "กองโจร" "เอ็งมา ข้ามุด เอ็งหยุด ข้าแหย่ เอ็งแย่ ข้าตาม" ไม่สู้แบบปะทะตรงๆ เพราะสู้กับกองทัพสหรัฐอเมริกาไม่ได้ เขาจึงใช้กลยุทธ์ "กองโจร" ใช้วิธีซุ่มโจมตีแทน ที่เด็ดมาก และแสดงถึงความมานะอดทนของ "เวียดกง" ก็คือ การขุดอุโมงค์ใต้ดิน ต่อเชื่อมกันเป็นระยะทางไกลๆ โผล่ขึ้นมาถล่มทหารสหรัฐ แล้วก็มุดเข้าอุโมงค์หนีไป วันหนึ่ง กองทัพสหรัฐคิดวิธีใหม่ในการค้นหาอุโมงค์ของ "เวียดกง" ได้สำเร็จเขาใช้สุนัขทหารที่ดมกลิ่นเก่งมากๆ เป็นตัวนำทาง ทหารสหรัฐจะส่งสุนัขล่วงหน้าไป พอเจออุโมงค์ที่ไหน มันก็จะเห่าบอ

สด.8 คืออะไร

สด. 8           ใบ สด.8 คือ สมุดประจำตัวของทหารกองหนุนที่ผ่านการเป็นทหารกองประจำการแล้วรวมทั้งผู้ที่สำเร็จการศึกษาวิชาทหารชั้นปี 3(รด) เป็นหนังสือสำคัญ ที่ติดมาพร้อมกับ สมุดประจำตัวทหารกองหนุนประเภทที่ ๑ สด.8 จะอยู่ในสมุดประจำตัวทหารกองหนุน พร้อมหนังสือสำคัญ(แบบ สด.8) หน้ากลางเล่ม เวลาใช้งานให้ถ่ายเอกสารหน้ากลางตรงส่วนที่ระบุว่า สด.8 ทั้งสองส่วน ซึ่งจะได้รับ สด. 8 เมื่อ รับราชการทหารกองประจำการ (คือ เป็นทหารเกณฑ์ ) จนครบกำหนดปลด        เรียน รด. จบปี 3 (เพราะ จบ รด. ไม่ต้องไป เกณฑ์ทหาร และไม่ต้องเป็นทหารกองประจำการ )        เมื่อจบ รด.ปี 3 จะได้รับการขึ้นทะเบียนกองประจำการ และ นำปลด เป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1       ในวันเดียวกัน โดยไม่ต้องไปรับราชการในกองประจำการ ( ไม่ต้องเป็นทหารเกณฑ์นั่นเอง )        แต่ ยังคงเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 การนับอายุของทหาร        การนับอายุจะนับที่ปี พ.ศ. โดยเกิด 1 มกราคม ไปจนถึง เกิด 31 ธันวาคม ของปี ใดก็ตาม ถือว่า อายุ เท่ากัน ทั้งปี และ เริ่มนับ เมื่อวันที่ 1 มกราคม เป็น อายุ ครบ ปี บริบูรณ์       ทหารกองหนุนประเภทที่ 1 แบ่ง

…..จอมพลสอนทหาร ………..

             ๑. ผู้ใดเป็นผู้บังคับบัญชาและผู้ใหญ่ อย่าเป็นคนหูเบา แต่ก็มิใช่เป็นคนหูหนวกตาบอด ต้องฟังต้องดูอย่างกว้างที่สุด อยู่เสมอ แต่อย่าเชื่อคนสอพลอ หรือเชื่อคนพูดก่อนและฟ้องก่อน เพราะคนพูดภายหลังอาจพูดจริงกว่าคนที่พูดก่อนก็เป็นได้             ๒. เมื่อมีความขุ่นข้องกับผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือผู้น้อย เมื่อได้ว่ากล่าวลงโทษ หรือตักเตือนแล้ว จงอย่าจำเอาไว้ อาฆาตมาดร้ายภายหลังอีก             ๓. ให้พยายามหาความดีความงามมาสู่คณะ และปูนบำเหน็จกับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา และผู้น้อย สำหรับผู้ที่สมควรจะได้รับตามโอกาสที่จักพึงหาได้นั้นอยู่เสมอ             ๔. จงติโทษหรือลงโทษผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะที่ทำผิด โดยไม่เกรงใจหรือกลัวเขาเกลียด ให้เคร่งครัดอยู่เสมอ จะละเลยเสียมิได้เป็นอันขาด เพราะภายหลังจะกำเริบและแก้ไขยาก             ๕. จงอย่าใช้อำนาจราชการลงโทษกับผู้ซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะเมื่อตนบันดาลโทสะ และอย่ากล่าวคำหยาบ ให้กระทบกระเทือนถึงวงศ์ตระกูล เพราะผู้อื่นเขาก็มีจิตใจเป็นมนุษย์เหมือนเราเหมือนกัน             ๖. จงบำรุงการสมาคม และแสดงกิริยา วาจา ใจ ให้เป็นการโอภ