ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทบาทของสตรีในกองทัพบกไทย

สังคมไทยในอดีตครอบครัวไทยเป็นแบบ "ผัวเดียวหลายเมีย" หมายความว่า ชายมีสถานะเหนือหญิงในทุกด้าน ในสมัยสุโขทัย ตำหนิชายที่มีชู้กับภรรยาคนอื่น แต่ไม่ห้ามชายมีภรรยาหลายคน ต่อมา ในสมัยอยุธยา กฎหมายลักษณะผัวเมีย พ.ศ. 1904 ยังได้แบ่งภรรยาออกเป็น 3 ประเภท และชายจะมีภรรยากี่คนก็ได้ ทั้งยังมีภาษิตที่ว่า "ผู้หญิงเป็นควาย ผู้ชายเป็นคน"  ซึ่งต่อมารัชกาลที่ 4ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยว่าไม่ยุติธรรม ให้ยกเสีย เนื่องจากกรณีถวายฎีกาของอำแดงเหมือน จนกระทั่ง พ.ศ. 2478 จึงมีกฎหมายให้ชายมีภรรยาได้เพียงคนเดียว

สำหรับบทบาทด้านการเมือง สตรีสมัยอยุธยามีบทบาททางการเมืองอยู่ไม่มากก็น้อย ซึ่งพงศาวดารอยุธยาเน้นว่าการเข้าสู่อำนาจของสตรีนำมาซึ่งความเสื่อมเสียและความยุ่งยาก ดังเช่นกรณีท้าวศรีสุดาจันทร์ สตรียังถูกใช้เป็นเครื่องมือแห่งอำนาจ คือ การแต่งงานเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง เป็นตัวประกัน และเป็นบำเหน็จในราชการสงคราม นอกจากนี้ ยังมีตำนานว่า สมเด็จพระศรีสุริโยทัยและท้าวสุรนารีเป็นวีรสตรีผู้สร้างวีรกรรมในประวัติศาสตร์

สตรีเริ่มมีบทบาททางเศรษฐกิจและสังคมยิ่งขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ โดยสตรีได้เป็นกำนันตลาด หรือนายอากรตลาดในรัชกาลที่ 2 มีผลงานสร้างสรรค์บทกวี และบางคนได้เรียนหนังสือ พระราชบัญญัติเรื่อง "ผัวขายเมีย บิดามารดาขายบุตร พ.ศ. 2410" ห้ามไม่ให้สามีขายภรรยาหากภรรยาไม่ยินยอม หลังจากนั้นก็มีการเรียกร้องสิทธิสตรีขึ้น มีหนังสือพิมพ์สตรีเกิดขึ้นหลายฉบับ

สถานภาพของสตรีในสังคมดีขึ้นเป็นลำดับโดยเฉพาะหลังการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 รัฐธรรมนูญถาวรฉบับแรกได้ให้สิทธิแก่ชายและสตรีในการเลือกตั้ง สตรีได้รับเลือกเป็นผู้ปกครองส่วนท้องถิ่นครั้งแรกใน พ.ศ. 2478 พ.ศ. 2525 มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อเปิดโอกาสให้สตรีเป็นกำนันและผู้ใหญ่บ้านได้
 บทบาทของสตรีกับกองทัพบก ในปัจจุบันเจ้าหน้าที่ของกองทัพยังมีเจ้าหน้าที่สตรีในหลายหน่วยงานและหลายหน้าที่ ทั้งหน่วยแนวหน้าที่เป็นฝ่ายออกแรง และก็ยังมีตำแหน่งผู้อยู่เบื้องหลัง เป็นทีมงานคอยสนับสนุนในแผนกอื่นๆ ในองค์กรนี้จึงไม่ได้มีแต่หนุ่มๆ ขาลุยเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีสาวๆ สวยๆ ทหารหญิงเข้าไปร่วมเป็นหนึ่งในพลังช่วยขับเคลื่อนกิจกรรมทางการทหารให้เดินหน้าไป ตามแต่ทักษะถนัดที่แต่ละคนพึงมี ซึ่งบางคนเลือกเพราะคนในครอบครัว หรือเพราะแรงบันดาลใจอื่นๆ และอีกสาวๆอีกหลายคนเลือกงานสายนี้เพราะความน่าสนใจในหน้าที่การงาน หรือบางคนอาจจะเลือกเพราะเป็นงานที่ใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหน เมื่อก้าวเข้ามาในอาชีพนี้แล้ว ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อาชีพทหารนี้มีคุณค่า และให้สิ่งดีๆ ต่อชีวิตนี้นับอย่างมากมาย ตัวอย่างเช่น 
 คุณพิมดาว พานิชสมัย
เธอเป็นบุตรีของ  “พลเอกไพโรจน์ พานิชสมัย” ที่เกษียณในตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด โดยเธอเข้ารับราชการทหารในกองดุริยางค์ทหารบก รับราชการทหารด้วยการใช้ทักษะการร้องเพลงที่เธอถนัดและร่ำเรียนมา
เราคงได้ยินเพลง “คืนรอยยิ้มให้คนไทย” มิวสิกวิดีโอตัวล่าสุดที่ทาง คสช. ได้เปิดฉายทางโทรทัศน์ช่องต่างๆ ซึ่งเธอได้รับเลือกให้มาร้องเพลงสำคัญนี้  และเธอยังเป็นนักแสดงที่มาฝีมือดังที่หลายท่านได้เคยทราบ




รองศาสตราจารย์แพทย์หญิงเยาวลักษณ์ สุขธนะ
     ท่านเป็นหญิงแกร่งแสนเก่ง คณบดีคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล "แพทย์หญิง เยาวลักษณ์ สุขธนะ" นอกเหนือจากเป็นแพทย์หญิงแล้ว ยังมีตำแหน่งทางวิชาการ อาจารย์ นักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญพิเศษพยาธิโปรโตซัว โรคสัตว์สู่คน และยังมีดีกรีสัตวแพทยศาสตรบัณฑิต 

ที่สำคัญ อาจารย์เยาวลักษณ์ เป็นนักเรียนแพทย์หญิงคนแรกและคนเดียว ที่ได้เรียนร่วมกับนายแพทย์ทหาร (นพท.) รุ่น 3 ในวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า แพทย์ทหารแห่งเดียวในประเทศไทยที่เปิดรับเฉพาะชาย จนกระทั่งรุ่นที่ 25 ถึงเปิดรับสตรีให้เข้าเรียนได้
รองศาสตราจารย์แพทย์หญิงเยาวลักษณ์ สุขธนะ สำเร็จการศึกษา ปริญญาสัตวแพทย์ศาสตร์บัญฑิต จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก่อนจะเข้าศึกษาที่วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์พระมงกุฎเกล้า
เมื่อจบจากวิทยาลัยแพทยศาสตร์ฯ อาจารย์เยาวลักษณ์ตัดสินใจเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางหู คอ จมูก ที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี แล้วกลับไปเป็นแพทย์หลวงที่สวนจิตรลดา เพื่อตามเสด็จฯ ปฏิบัติหน้าที่เป็นแพทย์หลวง 












ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ที่มาของคำว่า เสียหมา

  มีเรื่องเล่าที่อยากมาแชร์ แต่ไม่การันตีว่าจริงแท้แค่ไหนนะเออ.... ที่มาของคำว่า .....เสียหมา.... ** "เสียหมา"** แล้ว "เสียหมา" ทำไม? จึงหมายถึง "เสียฟอร์ม - เสียท่า" "เสียหมา" เกิดขึ้นในช่วงสงครามเวียดนามเมื่อประมาณ 30 - 40 ปีก่อน ตอนนั้นยังมี เวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ สหรัฐอเมริกาหนุนเวียดนามใต้ สู้กับเวียดนามเหนือ หรือพวก "เวียดกง" "เวียดกง" เป็นเจ้าของกลยุทธ์ การสู้รบแบบ "กองโจร" "เอ็งมา ข้ามุด เอ็งหยุด ข้าแหย่ เอ็งแย่ ข้าตาม" ไม่สู้แบบปะทะตรงๆ เพราะสู้กับกองทัพสหรัฐอเมริกาไม่ได้ เขาจึงใช้กลยุทธ์ "กองโจร" ใช้วิธีซุ่มโจมตีแทน ที่เด็ดมาก และแสดงถึงความมานะอดทนของ "เวียดกง" ก็คือ การขุดอุโมงค์ใต้ดิน ต่อเชื่อมกันเป็นระยะทางไกลๆ โผล่ขึ้นมาถล่มทหารสหรัฐ แล้วก็มุดเข้าอุโมงค์หนีไป วันหนึ่ง กองทัพสหรัฐคิดวิธีใหม่ในการค้นหาอุโมงค์ของ "เวียดกง" ได้สำเร็จเขาใช้สุนัขทหารที่ดมกลิ่นเก่งมากๆ เป็นตัวนำทาง ทหารสหรัฐจะส่งสุนัขล่วงหน้าไป พอเจออุโมงค์ที่ไหน มันก็จะเห่าบอ

สด.8 คืออะไร

สด. 8           ใบ สด.8 คือ สมุดประจำตัวของทหารกองหนุนที่ผ่านการเป็นทหารกองประจำการแล้วรวมทั้งผู้ที่สำเร็จการศึกษาวิชาทหารชั้นปี 3(รด) เป็นหนังสือสำคัญ ที่ติดมาพร้อมกับ สมุดประจำตัวทหารกองหนุนประเภทที่ ๑ สด.8 จะอยู่ในสมุดประจำตัวทหารกองหนุน พร้อมหนังสือสำคัญ(แบบ สด.8) หน้ากลางเล่ม เวลาใช้งานให้ถ่ายเอกสารหน้ากลางตรงส่วนที่ระบุว่า สด.8 ทั้งสองส่วน ซึ่งจะได้รับ สด. 8 เมื่อ รับราชการทหารกองประจำการ (คือ เป็นทหารเกณฑ์ ) จนครบกำหนดปลด        เรียน รด. จบปี 3 (เพราะ จบ รด. ไม่ต้องไป เกณฑ์ทหาร และไม่ต้องเป็นทหารกองประจำการ )        เมื่อจบ รด.ปี 3 จะได้รับการขึ้นทะเบียนกองประจำการ และ นำปลด เป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1       ในวันเดียวกัน โดยไม่ต้องไปรับราชการในกองประจำการ ( ไม่ต้องเป็นทหารเกณฑ์นั่นเอง )        แต่ ยังคงเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 การนับอายุของทหาร        การนับอายุจะนับที่ปี พ.ศ. โดยเกิด 1 มกราคม ไปจนถึง เกิด 31 ธันวาคม ของปี ใดก็ตาม ถือว่า อายุ เท่ากัน ทั้งปี และ เริ่มนับ เมื่อวันที่ 1 มกราคม เป็น อายุ ครบ ปี บริบูรณ์       ทหารกองหนุนประเภทที่ 1 แบ่ง

…..จอมพลสอนทหาร ………..

             ๑. ผู้ใดเป็นผู้บังคับบัญชาและผู้ใหญ่ อย่าเป็นคนหูเบา แต่ก็มิใช่เป็นคนหูหนวกตาบอด ต้องฟังต้องดูอย่างกว้างที่สุด อยู่เสมอ แต่อย่าเชื่อคนสอพลอ หรือเชื่อคนพูดก่อนและฟ้องก่อน เพราะคนพูดภายหลังอาจพูดจริงกว่าคนที่พูดก่อนก็เป็นได้             ๒. เมื่อมีความขุ่นข้องกับผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือผู้น้อย เมื่อได้ว่ากล่าวลงโทษ หรือตักเตือนแล้ว จงอย่าจำเอาไว้ อาฆาตมาดร้ายภายหลังอีก             ๓. ให้พยายามหาความดีความงามมาสู่คณะ และปูนบำเหน็จกับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา และผู้น้อย สำหรับผู้ที่สมควรจะได้รับตามโอกาสที่จักพึงหาได้นั้นอยู่เสมอ             ๔. จงติโทษหรือลงโทษผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะที่ทำผิด โดยไม่เกรงใจหรือกลัวเขาเกลียด ให้เคร่งครัดอยู่เสมอ จะละเลยเสียมิได้เป็นอันขาด เพราะภายหลังจะกำเริบและแก้ไขยาก             ๕. จงอย่าใช้อำนาจราชการลงโทษกับผู้ซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะเมื่อตนบันดาลโทสะ และอย่ากล่าวคำหยาบ ให้กระทบกระเทือนถึงวงศ์ตระกูล เพราะผู้อื่นเขาก็มีจิตใจเป็นมนุษย์เหมือนเราเหมือนกัน             ๖. จงบำรุงการสมาคม และแสดงกิริยา วาจา ใจ ให้เป็นการโอภ