อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ สุดภูมิใจ
ส่งลูกชายคนเดียว เป็นทหารของพระราชา.....
1 พ.ย. 59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณลานผู้กล้า กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 17 (ร.17 พัน.3) ในพระองค์ฯ ค่ายเม็งรายมหาราช จ.เชียงราย พล.ต.บัญชา ดุริยพันธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 และ พ.ท.รัชตะ ท้าวคำลือ ผบ.ร.17 พัน.3 ในพระองค์ฯ ได้จัดให้มีพิธีรับส่งทหารใหม่ หรือทหารกองเกินที่ถูกเข้าประจำการผลัดที่ 2 ประจำปี 2559 โดยมีการจัดให้ทหารที่ผ่านมาเกณฑ์จากทั้ง 18 อำเภอใน จ.เชียงราย รวมจำนวน 821 คน ให้เดินทางไปทำพิธีรับมอบเพื่อส่งให้มณฑลทหารบกที่ 37 จำนวน 258 คน มณฑลทหารบกที่ 33 เชียงใหม่ จำนวน 394 คน และมณฑลทหารบกที่ 34 พะเยา จำนวน 169 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หนึ่งในผู้ที่เข้าเป็นทหารผลัดใหม่ในครั้งนี้มี นายนภัส โฆษิตพิพัฒน์ หรือ "แทน" อายุ 22 ปี ลูกชายคนเดียวของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ ชาวเชียงรายผู้สร้างศิลปะวัดร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งได้จบการศึกษาวิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยคิงส์ตัน ประเทศอังกฤษ ทำให้บรรยากาศการรับส่งทหารใหม่ในปีนี้มีความคึกคักเป็นอย่างมาก
โดยก่อนหน้านี้อาจารย์เฉลิมชัย ได้ร่วมกับทาง ร.17 พัน.3 ในพระองค์ฯ ออกแบบป้ายกองพันตั้งเอาไว้ด้านหน้าลานผู้กล้าด้วย ขณะเดียวกันในการจัดให้มีพิธีรับส่งทหารใหม่ในครั้งนี้ อาจารย์เฉลิมชัยได้เดินทางไปดูการส่งลูกชายด้วยเช่นเดียวกับพ่อแม่และญาติของผู้ได้รับคัดเลือกให้เป็นทหารใหม่ทั้งหมด ที่พากันเดินทางไปบริเวณลานผู้กล้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางหน่วยทหารจัดให้มีสถานที่อำนวยความสะดวกด้านต่างๆ จากนั้นจัดให้ทหารแต่ละพื้นที่นั่งประจำกลุ่มเพื่อเตรียมส่งมอบให้กับหน่วยต้นสังกัดเพื่อทำการฝึกต่อไป
สำหรับนายนภัส ได้เข้าไปประจำ ร.17 พัน.3 ในพระองค์ฯ โดยจะได้รับการฝึกเป็นเวลา 6 เดือน เนื่องจากจบการศึกษาเทียบเท่าระดับปริญญาตรีมาแล้ว และเป็นผู้ที่สมัครเข้าเป็นทหารเองเมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา
โดย พล.ต.บัญชา กล่าวว่า ในปัจจุบันผู้ที่เข้าเป็นทหารนั้น นอกจากจะได้รับการฝึกตามระเบียบปกติแล้วยังได้มีโอกาสเรียนหนังสือ โดยผู้ที่จบการศึกษาในระดับต่างๆ สามารถเรียนต่อภายในค่ายทหารได้ เพราะมีการจัดหน่วยให้เรียนเพื่อให้จบตามความประสงค์ นอกจากนี้ยังมีการฝึกอาชีพและอื่นๆ ทำให้ผู้ที่ผ่านการฝึกทหารแล้วสามารถวางแผนชีวิตในอนาคตได้ ซึ่งก็ถือว่านอกจากจะได้รับใช้ชาติแล้วยังพัฒนาชีวิตของตัวเองได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ด้านอาจารย์เฉลิมชัย กล่าวว่า ตนรู้สึกภาคภูมิใจที่ลูกชายสมัครเป็นทหารเกณฑ์ เพราะผู้ที่ได้มาเป็นทหารนั้น มาจากสถานที่และสถานะที่หลากหลาย ทั้งคนรวยคนจน นิสัยใจคอแตกต่างกันไป ทำให้ตนเห็นว่าการได้เป็นทหารเกณฑ์ถือว่าดีมาก เพราะนอกจากจะได้ประสบการณ์ความเป็นลูกผู้ชายด้วยการรับใช้ชาติ สิ่งสำคัญที่สุดคือคนหลากหลายได้มีความรักและสามัคคีต่อกันซึ่ง สิ่งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับประเทศไทย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงต้องการให้คนไทยสามัคคีกัน ดังนั้นจึงถือเป็นการถวายความจงรักภักดีแด่พระองค์ด้วย
อาจารย์เฉลิมชัย กล่าวอีกว่า ตนจึงขอเชิญชวนให้บุตรหลานของผู้ที่มีฐานะในสังคมและคนที่มีฐานะร่ำรวย ได้ส่งบุตรหลานของตนเองมาเป็นทหารเกณฑ์ เพื่อจะได้ร่วมกันทำเพื่อชาติ และจะได้ไปพบกับความหลากหลายดังกล่าว โดยลูกคนรวยเจ้าของบริษัทใหม่ๆ เมื่อได้เข้าไปสัมผัสกับคนจน เขาก็จะได้เรียนรู้ประสบการณ์และได้เพื่อนที่ดี ทั้งนี้ในอดีตที่ผ่านมาการฝึกทหารถือเป็นความลับ ครั้งนี้ตนจึงจะได้ทีมถ่ายทำไปทำการบันทึกภาพการฝึกทหารของลูกชายตนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การเข้าไปสมัคร การส่งมอบครั้งนี้และการฝึกไปจนถึงจบการฝึกกลับบ้าน โดยจะนำเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก "ชีวิตทหารเกณฑ์" ของตนซึ่งสามารถติดตามชมได้ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ซึ่งสามารถติดตามกันได้ สำหรับลูกชายของตนเตรียมตัวมาดี โดยวิ่งทุกวันๆ ละ 6-7 กิโลเมตรเพื่อการนี้โดยเฉพาะแล้ว
ด้านนายนภัส กล่าวว่า ตนรู้สึกดีมากที่ได้มาเป็นทหาร เพราะนอกจากจะได้รับใช้ชาติอย่างเต็มภาคภูมิแล้ว เมื่อได้มีโอกาสไปรับการส่งมอบใหม่ๆ ก็มีเพื่อนอีกเป็นจำนวนมากที่ต้องมาร่วมฝึกพร้อมกัน ทางครอบครัวก็ให้การสนับสนุนเต็มที่ตนจึงเตรียมพร้อมทั้งกายและใจ ซึ่งก็เตรียมการเอาไว้ตั้งแต่ตัดสินใจสมัครเป็นทหารครั้งแรกแล้วว่าจะทำให้ดีที่สุดต่อไป
ขอบคุณ ข้อมูลจาก แนวหน้า....
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น