ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ หรือ กลุ่มดาวกุมภ์

 กลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ หรือ กลุ่มดาวกุมภ์ (♒)
เป็นกลุ่มดาวจักรราศีในแนวเส้นสุริยวิถีซึ่งเป็นที่รู้จักมาช้านานกลุ่มหนึ่ง กลุ่มดาวนี้อยู่ในบริเวณที่เรียกกันว่าทะเลท้องฟ้า ซึ่งได้ชื่อมาจากการที่กลุ่มดาวหลายกลุ่มในบริเวณนี้มีชื่อเกี่ยวข้องกับน้ำ เช่น กลุ่มดาววาฬ กลุ่มดาวปลา กลุ่มดาวแม่น้ำ เป็นต้น บางครั้งสายน้ำของกลุ่มดาวแม่น้ำจะถูกวาดราวกับว่าไหลออกจากหม้อน้ำ (คนโท) ของกลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ



ลักษณะปรากฏและแนวทางขึ้นตก


กลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางใต้ประมาณ 20 องศา โดยหม้อน้ำอยู่ลักษณะตั้งฉาก กับขอบฟ้า เมื่อขึ้นไปสูงสุดหม้อน้ำจะขนานกับขอบฟ้าและอยู่สูงเหนือขอบฟ้าทิศใต้เป็นมุมเงยประมาณ 60 องศา ขณะตก ดินหม้อน้ำจะตั้งฉากกับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางใต้เล็กน้อย รวมเวลาที่อยู่บนท้องฟ้าประมาณ 10 ชั่วโมง

เวลาที่เห็น

ในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมกลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำจะขึ้นและตกพร้อม ๆ กับดวงอาทิตย์ จึงมองไม่เห็น ส่วนเดือนที่เห็นนานที่สุดคือ เดือนกันยายน เพราะจะขึ้นเวลาหัวค่ำและตกตอนก่อนรุ่งอรุณ





นิทานดวงดาว



สำหรับชาวกรีกโบราณนั้น อควาเรียส คือคู่สามีภรรยา ที่ชื่อว่า ดิวคาเลียน ( Deucalion ) และ เพียร่า ( Pyrrha )
โดยเรื่องนี้ได้ปรากฎในเทพนิยายกรีก ตั้งแต่เมื่อ 1500 ปีก่อนคริสตกาลโดยกล่าวไว้ว่า.....อควาเรียสได้ทำให้เกิด
น้ำท่วมครั้งใหญ่เพื่อทำการชำระล้างล้างโลกมนุษย์ ซึ่งพ่อของดิวคาเรียนก็ได้บอกกับบุตรชาย และลูกสะใภ้
ให้สร้างเรือที่แข็งแรงขึ้นมา และทำการตุนเสบียงอาหารเอาไว้ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาน้ำท่วมโลกก็ปรากฎว่าทั้งสองนั้น
ลอยอยู่ในเรือเป็นเวลาถึง 9 วัน 9 คืน จนกระทั่งมาเกยตี้นที่ภูเขาพาร์นาสซัส (Parnassus)




ในที่สุด ทั้งสองปลอดภัยดีแต่ว่าก็เป็นเพียงแค่ 2 คนที่รอดชีวิตอยู่เท่านั้น พวกเขาเดินไปเรื่อยๆ ในขณะที่น้ำ
ค่อยๆลดลงและเผยให้เห็นถึงภูมิประเทศต่างๆมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไม่รู้จะทำยังไงดี พวกเขาก็ได้วิงวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ซึ่งก็มีเสียงตอบออกมาว่า

"...จงขว้างกระดูกของแม่ข้ามหัวไหล่ของเจ้าไป..."

ดิวคาเรียนทายว่ากระดูกของแม่ หรือ โลก ก็คือก้อนหิน ดังนั้นเขาทั้งสองจึงเดินหาและเก็บก้อนหินมาแล้วก็
ขว้างข้ามหัวไหล่ของตนไปทางด้านหลัง ซึ่งเมื่อทั้งสองหันหลังไปก็พบมนุษย์อยู่ โดยก้อนหินที่ขว้างโดย
ดิวคาเลียนนั้นกลายเป็นมนุษย์ผู้ชาย และก้อนหินที่ขว้างโดยเพียร่านั้นก็กลายเป็นมนุษย์ผู้หญิง



ดังนั้น อควาเรียส จึงรู้จักกันในนามของ ผู้นำมาซึ่งชีวิตและผู้ให้ชีวิต ซึ่งเทพนิยายเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับ
น้ำท่วมโลกและกำเนิดสิ่งมีชีวิต ซึ่งมีอยู่ในเรื่องเล่าของหลายๆชาติด้วยกัน ........

บางนิทานดาว ชาวบาบิโลเนียนโบราณ ประมาณ 2000 ปีก่อนคริสตศักราช มองเห็นเป็นรูปหม้อน้ำ ที่มีน้ำล้นออกมา
และแทนด้วยสัญลักษณ์ ของคนแบกหม้อน้ำ (Aquarius) ซึ่งในเดือนที่ 11 ของชาวบาบิโลเนียน
(หรือระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์) จะเป็นช่วงที่ฝนตกหนักในรอบปี สำหรับชาวอาหรับ ซึ่งต้องใช้ชีวิต
โดยขึ้นกับฝนที่จะตกมาในฤดูฝนนั้น มองกลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำว่าเป็น "ถังน้ำ" ทั้งนี้เนื่องจากข้อห้ามทางศาสนา
อันห้ามนับถือรูปเคารพใดๆนั่นเอง ..........

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ที่มาของคำว่า เสียหมา

  มีเรื่องเล่าที่อยากมาแชร์ แต่ไม่การันตีว่าจริงแท้แค่ไหนนะเออ.... ที่มาของคำว่า .....เสียหมา.... ** "เสียหมา"** แล้ว "เสียหมา" ทำไม? จึงหมายถึง "เสียฟอร์ม - เสียท่า" "เสียหมา" เกิดขึ้นในช่วงสงครามเวียดนามเมื่อประมาณ 30 - 40 ปีก่อน ตอนนั้นยังมี เวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ สหรัฐอเมริกาหนุนเวียดนามใต้ สู้กับเวียดนามเหนือ หรือพวก "เวียดกง" "เวียดกง" เป็นเจ้าของกลยุทธ์ การสู้รบแบบ "กองโจร" "เอ็งมา ข้ามุด เอ็งหยุด ข้าแหย่ เอ็งแย่ ข้าตาม" ไม่สู้แบบปะทะตรงๆ เพราะสู้กับกองทัพสหรัฐอเมริกาไม่ได้ เขาจึงใช้กลยุทธ์ "กองโจร" ใช้วิธีซุ่มโจมตีแทน ที่เด็ดมาก และแสดงถึงความมานะอดทนของ "เวียดกง" ก็คือ การขุดอุโมงค์ใต้ดิน ต่อเชื่อมกันเป็นระยะทางไกลๆ โผล่ขึ้นมาถล่มทหารสหรัฐ แล้วก็มุดเข้าอุโมงค์หนีไป วันหนึ่ง กองทัพสหรัฐคิดวิธีใหม่ในการค้นหาอุโมงค์ของ "เวียดกง" ได้สำเร็จเขาใช้สุนัขทหารที่ดมกลิ่นเก่งมากๆ เป็นตัวนำทาง ทหารสหรัฐจะส่งสุนัขล่วงหน้าไป พอเจออุโมงค์ที่ไหน มันก็จะเห่าบอ

สด.8 คืออะไร

สด. 8           ใบ สด.8 คือ สมุดประจำตัวของทหารกองหนุนที่ผ่านการเป็นทหารกองประจำการแล้วรวมทั้งผู้ที่สำเร็จการศึกษาวิชาทหารชั้นปี 3(รด) เป็นหนังสือสำคัญ ที่ติดมาพร้อมกับ สมุดประจำตัวทหารกองหนุนประเภทที่ ๑ สด.8 จะอยู่ในสมุดประจำตัวทหารกองหนุน พร้อมหนังสือสำคัญ(แบบ สด.8) หน้ากลางเล่ม เวลาใช้งานให้ถ่ายเอกสารหน้ากลางตรงส่วนที่ระบุว่า สด.8 ทั้งสองส่วน ซึ่งจะได้รับ สด. 8 เมื่อ รับราชการทหารกองประจำการ (คือ เป็นทหารเกณฑ์ ) จนครบกำหนดปลด        เรียน รด. จบปี 3 (เพราะ จบ รด. ไม่ต้องไป เกณฑ์ทหาร และไม่ต้องเป็นทหารกองประจำการ )        เมื่อจบ รด.ปี 3 จะได้รับการขึ้นทะเบียนกองประจำการ และ นำปลด เป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1       ในวันเดียวกัน โดยไม่ต้องไปรับราชการในกองประจำการ ( ไม่ต้องเป็นทหารเกณฑ์นั่นเอง )        แต่ ยังคงเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 การนับอายุของทหาร        การนับอายุจะนับที่ปี พ.ศ. โดยเกิด 1 มกราคม ไปจนถึง เกิด 31 ธันวาคม ของปี ใดก็ตาม ถือว่า อายุ เท่ากัน ทั้งปี และ เริ่มนับ เมื่อวันที่ 1 มกราคม เป็น อายุ ครบ ปี บริบูรณ์       ทหารกองหนุนประเภทที่ 1 แบ่ง

…..จอมพลสอนทหาร ………..

             ๑. ผู้ใดเป็นผู้บังคับบัญชาและผู้ใหญ่ อย่าเป็นคนหูเบา แต่ก็มิใช่เป็นคนหูหนวกตาบอด ต้องฟังต้องดูอย่างกว้างที่สุด อยู่เสมอ แต่อย่าเชื่อคนสอพลอ หรือเชื่อคนพูดก่อนและฟ้องก่อน เพราะคนพูดภายหลังอาจพูดจริงกว่าคนที่พูดก่อนก็เป็นได้             ๒. เมื่อมีความขุ่นข้องกับผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือผู้น้อย เมื่อได้ว่ากล่าวลงโทษ หรือตักเตือนแล้ว จงอย่าจำเอาไว้ อาฆาตมาดร้ายภายหลังอีก             ๓. ให้พยายามหาความดีความงามมาสู่คณะ และปูนบำเหน็จกับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา และผู้น้อย สำหรับผู้ที่สมควรจะได้รับตามโอกาสที่จักพึงหาได้นั้นอยู่เสมอ             ๔. จงติโทษหรือลงโทษผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะที่ทำผิด โดยไม่เกรงใจหรือกลัวเขาเกลียด ให้เคร่งครัดอยู่เสมอ จะละเลยเสียมิได้เป็นอันขาด เพราะภายหลังจะกำเริบและแก้ไขยาก             ๕. จงอย่าใช้อำนาจราชการลงโทษกับผู้ซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะเมื่อตนบันดาลโทสะ และอย่ากล่าวคำหยาบ ให้กระทบกระเทือนถึงวงศ์ตระกูล เพราะผู้อื่นเขาก็มีจิตใจเป็นมนุษย์เหมือนเราเหมือนกัน             ๖. จงบำรุงการสมาคม และแสดงกิริยา วาจา ใจ ให้เป็นการโอภ