ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ประสูตินอกเศวตรฉัตร กับสถานะการเป็นพระเจ้าลูกเธอ

ประสูตินอกเศวตรฉัตร กับสถานะการเป็นพระเจ้าลูกเธอ


คำว่า ประสูตินอกเศวตรฉัตรนี้เห็นทีจะเป็นเรื่องใหม่ของหน้าประวัติศาสตร์ไทยในยุคปัจจุบัน เพราะตั้งแต่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 7 รัชกาลที่ 8 และพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศรัชกาลที่ 9 รวมเป็นเวลากว่าร้อยปีที่ไม่เคยมีกรณีของการประสูติลูกเธอนอกเศวตรฉัตรเลย จนกระทั่งเกิดขึ้นอีกครั้งในรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ที่ลูกเธอต่างประสูตินอกเศวตรฉัตรทุกพระองค์
ทำไมจึงต้องใช้คำว่า ประสูตินอก และประสูติในเศวตรฉัตร ก็เพราะว่าพระเจ้าอยู่หัวทุกพระองค์ เมื่อได้ครองราชสมบัติเป็นพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ก็จะเสด็จเข้าพระราชพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นเป็นพ่ออยู่หัว พระองค์จะเสด็จขึ้นประทับยังพระที่นั่งราชบัลลังก์ ด้านบนกางกั้นด้วยนพปฎลมหาเศวตฉัตร หรือ "ฉัตรขาว 9 ชั้น” ซึ่งเป็นฉัตรสำหรับพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น ดังนั้นลูกเธอที่ประสูติก่อนพ่อครองราชย์จะเป็นลูกเธอประเภทนอกเศวตรฉัตร ส่วนลูกเธอที่ประสูติหลังพ่อครองราชย์จะเป็นลูกเธอประเภทในเศวตรฉัตรนั่นเอง
ทีนี้มาถึงความแตกต่างของลูกเธอทั้งสองประเภท ความแตกต่างมีเพียงแค่เรื่องเดียวนั่นก็คือ “ฐานันดรศักดิ์” คำนี้หมายถึง ศักดิ์ที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิด ทำให้ลูกเธอทั้งสองประเภทนี้มีฐานันดรศักดิ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะว่าลูกเธอที่ประสูตินอกเศวตรฉัตรนั้นจะมีฐานันดรศักดิ์เพียง พระเจ้าหลานเธอเจ้าฟ้า หรือพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้า หรือหม่อมเจ้า, หรือแม้แต่เป็นหม่อมราชวงศ์ก็สามารถเป็นไปได้ (สูงต่ำตามยศของแม่) ซึ่งจะต่างจากลูกเธอที่ประสูติในเศวตรฉัตร ที่เมื่อแรกประสูติก็มีฐานันดรศักดิ์เป็นถึงสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้า หรือพระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้า (สูงต่ำตามยศของแม่)
ส่วนด้าน "สิทธิ์" ของลูกเธอทั้งสองประเภทนี้ไม่มีอะไรแตกต่างกันครับ เพราะเมื่อพระเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์ พระองค์ก็จะไล่สถาปนาลูกเธอที่ประสูตินอกเศวตรฉัตร ขึ้นเป็นพระเจ้าลูกเธอทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกันตามสถานะของแม่ที่อยู่ในระดับเดียวกัน นั่นก็คือ
1.หากประสูติจากแม่ที่เป็นพระภรรยาเจ้าชั้นลูกหลวง หรือพระอัครมเหสี ลูกเธอจะได้เป็น “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าชั้นเอก” ออกพระนามอย่างลำลองว่า ทูลกระหม่อมชาย ทูลกระหม่อมหญิง
2.หากประสูติจากแม่ที่เป็นพระภรรยาเจ้าชั้นหลานหลวง หรือพระมเหสี เช่น พระอรรคชายา ,พระราชชายา ,พระวรชายา ลูกเธอก็จะได้เป็น “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าชั้นโท” ออกพระนามอย่างลำลองว่า สมเด็จชาย สมเด็จหญิง
3.หากประสูติจากแม่ที่เป็นสนม เจ้าจอม หรือสามัญชน ลูกเธอก็จะได้เป็น พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าชั้นเอก หรือที่ออกพระนามกันว่า เสด็จพระองค์ชาย เสด็จพระองค์หญิงนั่นเอง
จากภาพด้านซ้ายคือ ส่วนหนึ่งในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระเจ้าอยู่หัวในอดีต ซึ่งพระองค์จะประทับบนพระแท่นราชบัลลังก์ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร หรือฉัตรขาว 9 ชั้น
จากภาพด้านขวาบนคือ ลูกเธอในพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 โดยพระองค์ขวาประสูติตั้งแต่ครั้งที่พ่อเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชาย และแม่เป็นเพียงหม่อม แรกประสูติพระองค์จึงมีฐานันดรศักดิ์เป็น หม่อมเจ้าหญิงศรีวิไลยลักษณ์ แต่เมื่อเจ้าฟ้าชายผู้เป็นพ่อขึ้นครองราชย์ พระองค์จึงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงศรีวิไลยลักษณ์ ซึ่งต่างจากพระองค์ซ้ายผู้เป็นน้องนาง ที่แรกประสูติก็เป็นพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงเพราะประสูติในเศวตรฉัตร
จากภาพด้านขวาล่างคือ ลูกเธอในพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 โดยทุกพระองค์ประสูติในเศวตรฉัตร มีแม่เป็นเพียงหม่อมเจ้าหญิง ทำให้แรกประสูติพระองค์เหล่านี้มียศเพียงพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้า แต่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 มีพระประสงค์ให้ลูกเธอกลุ่มนี้เป็นเจ้าฟ้า เพราะอย่างไรเสียก็มีแม่เป็นเจ้าหญิงในพระราชวงศ์ แต่เเม่เป็นหม่อมเจ้าหญิงก็ยังถือว่ายศต่ำอยู่นัก พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 จึงสถาปนาแม่จากหม่อมเจ้าขึ้นเป็น พระอรรคชายา จึงส่งผลให้ลูกเธอกลุ่มนี้ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าชั้นโทอย่างไร้ข้อกังขา

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ที่มาของคำว่า เสียหมา

  มีเรื่องเล่าที่อยากมาแชร์ แต่ไม่การันตีว่าจริงแท้แค่ไหนนะเออ.... ที่มาของคำว่า .....เสียหมา.... ** "เสียหมา"** แล้ว "เสียหมา" ทำไม? จึงหมายถึง "เสียฟอร์ม - เสียท่า" "เสียหมา" เกิดขึ้นในช่วงสงครามเวียดนามเมื่อประมาณ 30 - 40 ปีก่อน ตอนนั้นยังมี เวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ สหรัฐอเมริกาหนุนเวียดนามใต้ สู้กับเวียดนามเหนือ หรือพวก "เวียดกง" "เวียดกง" เป็นเจ้าของกลยุทธ์ การสู้รบแบบ "กองโจร" "เอ็งมา ข้ามุด เอ็งหยุด ข้าแหย่ เอ็งแย่ ข้าตาม" ไม่สู้แบบปะทะตรงๆ เพราะสู้กับกองทัพสหรัฐอเมริกาไม่ได้ เขาจึงใช้กลยุทธ์ "กองโจร" ใช้วิธีซุ่มโจมตีแทน ที่เด็ดมาก และแสดงถึงความมานะอดทนของ "เวียดกง" ก็คือ การขุดอุโมงค์ใต้ดิน ต่อเชื่อมกันเป็นระยะทางไกลๆ โผล่ขึ้นมาถล่มทหารสหรัฐ แล้วก็มุดเข้าอุโมงค์หนีไป วันหนึ่ง กองทัพสหรัฐคิดวิธีใหม่ในการค้นหาอุโมงค์ของ "เวียดกง" ได้สำเร็จเขาใช้สุนัขทหารที่ดมกลิ่นเก่งมากๆ เป็นตัวนำทาง ทหารสหรัฐจะส่งสุนัขล่วงหน้าไป พอเจออุโมงค์ที่ไหน มันก็จะเห่าบอ

สด.8 คืออะไร

สด. 8           ใบ สด.8 คือ สมุดประจำตัวของทหารกองหนุนที่ผ่านการเป็นทหารกองประจำการแล้วรวมทั้งผู้ที่สำเร็จการศึกษาวิชาทหารชั้นปี 3(รด) เป็นหนังสือสำคัญ ที่ติดมาพร้อมกับ สมุดประจำตัวทหารกองหนุนประเภทที่ ๑ สด.8 จะอยู่ในสมุดประจำตัวทหารกองหนุน พร้อมหนังสือสำคัญ(แบบ สด.8) หน้ากลางเล่ม เวลาใช้งานให้ถ่ายเอกสารหน้ากลางตรงส่วนที่ระบุว่า สด.8 ทั้งสองส่วน ซึ่งจะได้รับ สด. 8 เมื่อ รับราชการทหารกองประจำการ (คือ เป็นทหารเกณฑ์ ) จนครบกำหนดปลด        เรียน รด. จบปี 3 (เพราะ จบ รด. ไม่ต้องไป เกณฑ์ทหาร และไม่ต้องเป็นทหารกองประจำการ )        เมื่อจบ รด.ปี 3 จะได้รับการขึ้นทะเบียนกองประจำการ และ นำปลด เป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1       ในวันเดียวกัน โดยไม่ต้องไปรับราชการในกองประจำการ ( ไม่ต้องเป็นทหารเกณฑ์นั่นเอง )        แต่ ยังคงเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 การนับอายุของทหาร        การนับอายุจะนับที่ปี พ.ศ. โดยเกิด 1 มกราคม ไปจนถึง เกิด 31 ธันวาคม ของปี ใดก็ตาม ถือว่า อายุ เท่ากัน ทั้งปี และ เริ่มนับ เมื่อวันที่ 1 มกราคม เป็น อายุ ครบ ปี บริบูรณ์       ทหารกองหนุนประเภทที่ 1 แบ่ง

…..จอมพลสอนทหาร ………..

             ๑. ผู้ใดเป็นผู้บังคับบัญชาและผู้ใหญ่ อย่าเป็นคนหูเบา แต่ก็มิใช่เป็นคนหูหนวกตาบอด ต้องฟังต้องดูอย่างกว้างที่สุด อยู่เสมอ แต่อย่าเชื่อคนสอพลอ หรือเชื่อคนพูดก่อนและฟ้องก่อน เพราะคนพูดภายหลังอาจพูดจริงกว่าคนที่พูดก่อนก็เป็นได้             ๒. เมื่อมีความขุ่นข้องกับผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือผู้น้อย เมื่อได้ว่ากล่าวลงโทษ หรือตักเตือนแล้ว จงอย่าจำเอาไว้ อาฆาตมาดร้ายภายหลังอีก             ๓. ให้พยายามหาความดีความงามมาสู่คณะ และปูนบำเหน็จกับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา และผู้น้อย สำหรับผู้ที่สมควรจะได้รับตามโอกาสที่จักพึงหาได้นั้นอยู่เสมอ             ๔. จงติโทษหรือลงโทษผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะที่ทำผิด โดยไม่เกรงใจหรือกลัวเขาเกลียด ให้เคร่งครัดอยู่เสมอ จะละเลยเสียมิได้เป็นอันขาด เพราะภายหลังจะกำเริบและแก้ไขยาก             ๕. จงอย่าใช้อำนาจราชการลงโทษกับผู้ซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะเมื่อตนบันดาลโทสะ และอย่ากล่าวคำหยาบ ให้กระทบกระเทือนถึงวงศ์ตระกูล เพราะผู้อื่นเขาก็มีจิตใจเป็นมนุษย์เหมือนเราเหมือนกัน             ๖. จงบำรุงการสมาคม และแสดงกิริยา วาจา ใจ ให้เป็นการโอภ