กลุ่มดาวในราศีที่ 5 หรือ กลุ่มดาวราศีสิงห์ กลุ่มดาว สิงห์โตดาวกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มดาวที่คนรู้จักดีที่สุดและสะดุดตาที่สุดอีกกลุ่มหนึ่ง กลุ่มดาวราศีสิงห์ เป็นกลุ่มดาวที่เก่าแก่ที่สุดตามที่ได้มีการบันทึกมา ดาวกลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับ ดวงอาทิตย์อย่างใกล้ชิด นับแต่แรกเกิดระบบสุริยะ ฉะนั้นทางโหราศาสตร์ เขาจึงกำหนดให้ดวงอาทิตย์เป็นเจ้าของราศีสิงห์นี้
ลักษณะปรากฏและแนวทางขึ้นตก
กลุ่มดาวสิงห์อยู่ในซีกฟ้าด้านเหนือ ประกอบด้วยดาวฤกษ์ที่สว่างมาก 1 ดวง คือ ดาวหัวใจสิงห์ (เรกิวลุส) และ ดาวที่สว่างรองลงมาอีกอย่างน้อย 8 ดวง เรียงเป็นรูปสิงโตซึ่งกำลังหมอบอยู่ ดาวหัวใจสิงห์และดาวอีก 5 ดวง คือ ดวงที่5 ถึงดวงที่ 9เรียงกันคล้ายรูปเคียวเกี่ยวข้าวหรือเครื่องหมายคำถามเขียนกลับบริเวณหัวสิงโต ดาวดวงที่ 2, 3, 4 ประกอบ ขึ้นเป็นด้านท้ายของสิงโต โดยมีดวงที่ 2 อยู่ตรงหางสิงโต จึงมีชื่อเรียกว่า ดาวหางสิงห์ (ดาวเดเนบโบลา)
โคเปอร์นิคัส ชาวเปอร์เชียในสมัยโบราณ เรียกดาวหัวใจสิงห์ ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดในกลุ่มราศีสิงห์ว่า ว่า เป็นผู้บัญชาการธุรกิจสวรรค์หรือ ดาวทวารบาลดวงหนึ่งของสวรรค์หรือท้องฟ้า คนโบราณเชื่อว่า ดาวหัวใจสิงห์เป็นดาว สำหรับพระราชา และเป็นผู้นำของดาวระดับราชา ดาวทวารบาลทั้ง 4ได้แก่
Aldebaran (กลุ่มดาววัวสว่างเป็นที่ 14 ในท้องฟ้า )
Antares (กลุ่มดาวแมงป่องสว่างเป็นอันดับที่ 17ในท้องฟ้า )
Fomalhaut (กลุ่มดาวปลาภาคใต้สว่างเป็นอันดับที่ 18 ในท้องฟ้า ) และ
Regulus (กลุ่มดาวสิงห์โตสว่างเป็นที่ 20 ในท้องฟ้า)
ดาวฤกษ์ทั้ง 4 ดวง นี้มีความสว่างใกล้เคียงกันมาก และปรากฏอยู่ 4 ทิศ พอดี ดาวเหล่านี้อยู่ห่างเป็นระยะเกือบเท่า ๆ กัน จึงเป็นดาวที่แบ่งทรงกลมท้องฟ้าออกเป็น 4 ส่วน ทำให้ท้องฟ้า แต่ละขณะมีดาวราชาอยู่อย่างน้อย 1 คู่
ดาวหัวใจสิงห์อยู่เกือบบนเส้นสุริยะวิถี จึงมีโอกาสถูกดวงจันทร์และดาวเคราะห์บังอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะดวงจันทร์จะผ่านใกล้หรือบังทุก ๆ เดือนดาวแกมมา-สิงห์ แม้จะมีชื่อว่า ดาวหน้าผากสิงห์ แต่แท้ที่จริงดวงดาวนี้อยู่บริเวณคอของสิงโต เป็นดาวคู่ที่เหมาะสำหรับส่องดูในกล้องโทรทรรศน์ อยู่ห่างกัน 4.3 ฟิลิบดา อันดับความสว่าง 2.6 และ 3.8 เคลื่อนรอบซึ่งกันและกับใช้เวลา618 ปี
กลุ่มดาวสิงห์อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรท้องฟ้า ตำแหน่งที่ขึ้นจึงอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางเหนือ และตกทางทิศตะวันตก เฉียงไปทางเหนือ ขณะที่อยู่สูงสุดจะอยู่เหนือศีรษะ ตำแหน่งต่าง ๆ ของกลุ่มดาวสิงห์จึงใช้บอกทิศได้
ขณะขึ้นส่วนหัวของสิงห์จะขึ้นก่อน ส่วนหางตามขึ้นมาหลังจากที่ส่วนหัวขึ้นแล้วประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที ลักษณะสิงห์หมอบเอา หางแตะขอบฟ้าด้านทิศตะวันออกเฉียงไปทางเหนือในขณะที่หัวชูขึ้นสูงเป็นมุมเงยเกือบ 30 องศา ถ้าจะดูกลุ่มดาวสิงห์ขณะขึ้นต้องหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเอียงไปทางซ้ายเล็กน้อย จะเห็นดาวหัวใจสิงห์สว่างสุกใสอยู่สูงพ้น ขอบฟ้าทิศตะวันออกเป็นมุมเงยประมาณ 25 องศา หางอยู่ใกล้ขอบฟ้าด้านทิศตะวันออกเฮียงไปทางเหนือเล็กน้อย หลังสิงห์หันไปทาง ทิศเหนือ (ซ้ายมือ) ในขณะที่ท้องสิงห์หันไปทางทิศใต้ (ขวามือ)
เมื่ออยู่สูงสุดกลุ่มดาวสิงห์จะอยู่ตรงศีรษะ หัวสิงห์หันไปทางทิศตะวันตก หางหันไปทางทิศตะวันออก ท้องหันไปทางทิศใต้ และ หลังหันไปทางทิศเหนือ เมื่อกำลังจะลับขอบฟ้าด้านตะวันตก หัวสิงห์จะสัมผัสขอบฟ้าตรงจุดทิศตะวันตกเฉียงไปทางเหนือเล็กน้อย ในขณะที่ดาวหางสิงห์ อยู่ขึ้นไปสูงเป็นมุมเงยเกือบ 30 องศา
เวลาที่เห็น
เวลาที่เห็น
กลุ่มดาวสิงห์โต เป็นกลุ่มดาวที่บอกฤดูกาลได้เมื่อจะเริ่มหน้าร้อนของฝรั่ง คือ ปลายเดือนมิถุนายน กลุ่มดาวสิงโตจะอย่างท้องฟ้าตั้งแต่เริ่มมืด กลุ่มดาวสิงโต จะอยู่กลางท้องฟ้าตรงศีรษะเมื่อเวลา 3 ทุ่ม (21.00 น.) ในวันที่ 10 พฤษภาคม ของทุกปี
เดือนที่มองไม่เห็นหรือเห็นกลุ่มดาวสิงห์น้อยมากคือ เดือนสิงหาคมและกันยายน ทั้งนี้เพราะดวงอาทิตย์ปรากฏอยู่ในหรือใกล้เคียงกับกลุ่มดาวสิงห์มาก ส่วนเดือนที่ มองเห็นนานเกือบตลอดทั้งคืนคือ เดือนกุมภาพันธ์และเดือนมีนาคม โดยเห็นตั้งแต่ขึ้นทางทิศตะวันออกในเวลาหัวค่ำถึงตกทางทิศตะวันตกในเวลารุ่งเช้า ช่วงเวลาตั้งแต่ขึ้น ถึงตกยาวประมาณ 10 ชั้วโมงครึ่ง
ชาวอียิปต์โบราณบูชาดาวกลุ่มนี้เพราะอุทกภัยจากแม่น้ำไนล์ เกิดขึ้นเมื่อ ดวงอาทิตย์เข้ามาอยู่ในกลุ่มดาวราศีนี้ บางท่านจึงสันนิษฐานว่า ตัวสฟิงส์ (Sphing) ของอียิปต์ส่วนหัวคือหญิงพรหมจารีย์ (ราศีกันย์ )ส่วนตัวคือสิงห์โต (ราศีสิงห์)
นิทานดวงดาว
ในสมัยก่อนชาวกรีกโบราณเคารพบูชาดวงจันทร์ซึ่งถือว่าเป็นเทพธิดาชื่อ เซลินี (Selene) นอกเหนือจาก เทพเจ้าที่มีความสำคัญมากกว่า เช่นเทพซูส และเทพอพอลโล ชาวกรีกต้องเซ่นไหว้เทพธิดาและเทพเจ้าเหล่า นี้เป็น ประจำทุกปี แต่บังเอิญมีอยู่ปีหนึ่งชาวเมืองเนเมีย (Nemea)ลืมเซ่นไหว้เทพธิดาเซลินีทำให้เธอโกรธจัดถึงกับส่งสิงโตจากฟ้าลงมารังควานชาวนาชาวไร่ในเมืองเนเมีย ถ้าเป็นสิงโตธรรมดาก็ไม่มี ปัญหาอะไร แต่มันเป็นสิงโตที่ดุร้าย หนังเหนียวฟันแทงไม่เข้า มันไล่กัดกิน!และมนุษย์ที่ขวางหน้า ผู้คนเดือดร้อนไปทั่วในขณะนั้นราชายูริสธีอัส (Eurystheus) มีผู้รับใช้ที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง คือ เฮอร์คิวลิส (Hercules) ราชายูริสธีอัสจึงทรงพระ บัญชาให้เฮอร์คิวลิสไปฆ่าสิงโตดุร้ายนั้นเสียเฮอร์คิวลิสเป็นผู้ชายร่างใหญ่ อดทนและแข็งแรงที่สุดในโลก เขามี อาวุธหลายอย่างเช่น ดาบ มีด ธนู แต่ที่ชอบ มากคือ กระบองยักษ์ที่ ทำด้วยไม้ เฮอร์คิวลิสเข้าต่อสู้พันตูกับสิงโตดุร้ายอย่างห้าวหาญ แต่ทว่าอาวุธ เช่น ธนูและดาบไม่สามารถทำอันตรายกับ ผิวหนังของสิงโตตัวนั้น ได้เลย แม้จะใช้กระบองยักษ์ฟาดลงบนหัวของสิงโต ก็ยังไม่สามารถ ทำอะไรมันได้เช่นกัน ในที่สุดเฮอร์คิวลิสคิดได้ว่าคงไม่มีอาวุธอันใดที่จะใช้ฆ่าสิงโตตัวนี้ได้ เขาจึงย่อตัวลงต่ำเข้ากอดรัดสิงโต ใส่ “เฮดล็อก” สิงโต ดิ้นไม่หลุดถูกรัดคอจนตาย หลังจากที่เฮอร์คิวลิส ล้มสิงโตดุร้ายตัวนั้นได้ เฮอร์คิวลิสได้ถลกหนัง หัวและขาหน้าทั้งสองของสิงโตมาทำเป็น เครื่องแต่งตัว โดยห่ม หนังสวมหัวเป็นหมวกกันชน และผูกขาหน้าไว้เหนือหน้าอก เขาจึง ไม่เพียงมีเกราะคุ้มกันอาวุธ แต่ยังดูดุร้ายน่ากลัวกว่าเมื่อก่อน และถ้าถือกระบองไม้ยักษ์ด้วยแล้วเฮอร์คิวลิสก็เหมือนมนุษย์อยู่ในถ้ำเทพธิดาเซลินีได้ส่งสิงโตกลับขึ้นไปอยู่บนฟ้าดังเดิมอยู่กลางฟ้าเป็น กลุ่มดาวจักรราศี โดยเซลินี (ดวงจันทร์) ผ่านทุก ๆ เดือน และสิงโตวิ่งหนีเฮอร์คิวลิสอยู่ตลอดเวลา โดยสิงโตจะอยู่สูงสุดบนฟ้า ในขณะ ที่เฮอร์คิวลิสขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อเฮอร์คิวลิสขึ้นไปสูงสุดสิงโตจะลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก เฮอร์คิวลิสจึงไม่มีทางไล่สิงโตทัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น