ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

“ทบ.” จัดพิธี ส่งมอบหน้าที่แม่ทัพบก คนใหม่

image

 วันที่ 30 กันยายน ที่กองบัญชาการกองทัพบก กองทัพบกได้จัดพิธีรับ-ส่งหน้าที่ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ระหว่างพล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. คนที่ 39 กับพล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้ช่วยผบ.ทบ.
          ภายหลังจากที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้พล.อ.เฉลิมชัย ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.คนที่ 40 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2559 ทั้งนี้พล.อ.ธีรชัย และพล.อ.เฉลิมชัย ได้กระทำพิธีสักการะศาลพระชัยมงคลภูมิ จากนั้นถวายพวงมาลัยเพื่อสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บริเวณด้านหน้าหอประชุม กิตติขจร ภายในบก.ทบ. พร้อมทั้งพล.อ.ธีรชัย ได้ลงนามเอกสารส่งมอบหน้าที่และการบังคับบัญชาให้กับ พล.อ.เฉลิมชัยและมีพิธีส่งมอบธงประจำกองทัพบกก่อนจะทำพิธีสวนสนา

โดย พล.อ.ธีรชัย กล่าวส่งมอบหน้าที่ว่า ภารกิจกองทัพบกทุกบทบาทที่ผ่านมา ตนได้รับน้ำใจไมตรีและการสนับสนุนร่วมมือเป็นอย่างดีจากเพื่อนทหารทุกคนที่ทุ่มเทเสียสละ ร่วมแรงร่วมใจกันปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถทำให้ภารกิจทุกด้านบรรลุผลตามนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้กองทัพบกมีความแข็งแกร่ง มั่นคง ตนขอชื่นชมและขอบคุณทุกคน อย่างไรก็ตามตนมีความภาคภูมิใจที่ได้ปฏิบัติงานรับใช้ชาติในทุกหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย โดยเฉพาะการได้ร่วมปฏิบัติงานกับเพื่อนทหารทุกคนตลอดมา เชื่อมั่นว่าผบ.ทบ.คนใหม่จะสานต่อภาระหน้าที่สำคัญได้อย่างดี

ด้านพล.อ.เฉลิมชัย กล่าวรับหน้าที่ว่า ในโอกาสที่พล.อ.ธีรชัยจะเกษียณอายุราชการ ตนพร้อมกำลังพลกองทัพบกทุกนายมีความอาลัยเป็นอย่างยิ่ง เพราะประจักษ์แล้วว่าตลอดเวลาที่พล.อ.ธีรชัย รับราชการถือว่าเป็นทหารอาชีพ ทำหน้าที่เพื่อความสงบสุขและความมั่นคงของชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อีกทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนาการฝึกและสวัสดิการของกำลังพลทุกระดับ ส่งผลให้กองทัพบกมีความสง่างาม รวมทั้งเป็นที่รักและเป็นที่เชื่อถือของประชาชน ตนยืนยันว่าจะปฏิบัติหน้าที่ผบ.ทบ.อย่างเต็มกำลังความสามารถ และจะปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาการด้วยความเป็นธรรม รวมทั้งจะพัฒนากองทัพบกให้มีความเข้มแข็ง สมบูรณ์ และเป็นเสาหลักของชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชนอย่างแท้จริง

สำหรับบรรยากาศรับ-ส่งหน้าที่ผบ.ทบ.ปีนี้เป็นไปอย่างเรียบง่าย ไม่มีกำลังพลร้องเพลงเหมือนกับสมัยของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นอดีตผบ.ทบ. ทั้งนี้หลังจบพิธีพล.อ.ธีรชัย ได้นั่งรถยนต์ส่วนตัวเดินทางออกจากบก.ทบ. โดยมีกำลังพลเข้าแถวรอส่ง ขณะที่พล.อ.เฉลิมชัย เตรียมเรียกประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ระดับกองพลขึ้นไปในวันที่ 3 ตุลาคมนี้ เวลา 13.00 น. ที่บก.ทบ. เพื่อมอบนโยบายการทำงาน ทั้งในส่วนของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) เพื่อสนับสนุนงานของรัฐบาลและคสช.ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ให้เป็นไปตามโรดแมปได้วางไว้ การรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน ตลอดจนถึงการดูแลรักษาความสงบในพื้นที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้
image
image
 
counter

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ที่มาของคำว่า เสียหมา

  มีเรื่องเล่าที่อยากมาแชร์ แต่ไม่การันตีว่าจริงแท้แค่ไหนนะเออ.... ที่มาของคำว่า .....เสียหมา.... ** "เสียหมา"** แล้ว "เสียหมา" ทำไม? จึงหมายถึง "เสียฟอร์ม - เสียท่า" "เสียหมา" เกิดขึ้นในช่วงสงครามเวียดนามเมื่อประมาณ 30 - 40 ปีก่อน ตอนนั้นยังมี เวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ สหรัฐอเมริกาหนุนเวียดนามใต้ สู้กับเวียดนามเหนือ หรือพวก "เวียดกง" "เวียดกง" เป็นเจ้าของกลยุทธ์ การสู้รบแบบ "กองโจร" "เอ็งมา ข้ามุด เอ็งหยุด ข้าแหย่ เอ็งแย่ ข้าตาม" ไม่สู้แบบปะทะตรงๆ เพราะสู้กับกองทัพสหรัฐอเมริกาไม่ได้ เขาจึงใช้กลยุทธ์ "กองโจร" ใช้วิธีซุ่มโจมตีแทน ที่เด็ดมาก และแสดงถึงความมานะอดทนของ "เวียดกง" ก็คือ การขุดอุโมงค์ใต้ดิน ต่อเชื่อมกันเป็นระยะทางไกลๆ โผล่ขึ้นมาถล่มทหารสหรัฐ แล้วก็มุดเข้าอุโมงค์หนีไป วันหนึ่ง กองทัพสหรัฐคิดวิธีใหม่ในการค้นหาอุโมงค์ของ "เวียดกง" ได้สำเร็จเขาใช้สุนัขทหารที่ดมกลิ่นเก่งมากๆ เป็นตัวนำทาง ทหารสหรัฐจะส่งสุนัขล่วงหน้าไป พอเจออุโมงค์ที่ไหน มันก็จะเห่าบอ

สด.8 คืออะไร

สด. 8           ใบ สด.8 คือ สมุดประจำตัวของทหารกองหนุนที่ผ่านการเป็นทหารกองประจำการแล้วรวมทั้งผู้ที่สำเร็จการศึกษาวิชาทหารชั้นปี 3(รด) เป็นหนังสือสำคัญ ที่ติดมาพร้อมกับ สมุดประจำตัวทหารกองหนุนประเภทที่ ๑ สด.8 จะอยู่ในสมุดประจำตัวทหารกองหนุน พร้อมหนังสือสำคัญ(แบบ สด.8) หน้ากลางเล่ม เวลาใช้งานให้ถ่ายเอกสารหน้ากลางตรงส่วนที่ระบุว่า สด.8 ทั้งสองส่วน ซึ่งจะได้รับ สด. 8 เมื่อ รับราชการทหารกองประจำการ (คือ เป็นทหารเกณฑ์ ) จนครบกำหนดปลด        เรียน รด. จบปี 3 (เพราะ จบ รด. ไม่ต้องไป เกณฑ์ทหาร และไม่ต้องเป็นทหารกองประจำการ )        เมื่อจบ รด.ปี 3 จะได้รับการขึ้นทะเบียนกองประจำการ และ นำปลด เป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1       ในวันเดียวกัน โดยไม่ต้องไปรับราชการในกองประจำการ ( ไม่ต้องเป็นทหารเกณฑ์นั่นเอง )        แต่ ยังคงเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 การนับอายุของทหาร        การนับอายุจะนับที่ปี พ.ศ. โดยเกิด 1 มกราคม ไปจนถึง เกิด 31 ธันวาคม ของปี ใดก็ตาม ถือว่า อายุ เท่ากัน ทั้งปี และ เริ่มนับ เมื่อวันที่ 1 มกราคม เป็น อายุ ครบ ปี บริบูรณ์       ทหารกองหนุนประเภทที่ 1 แบ่ง

…..จอมพลสอนทหาร ………..

             ๑. ผู้ใดเป็นผู้บังคับบัญชาและผู้ใหญ่ อย่าเป็นคนหูเบา แต่ก็มิใช่เป็นคนหูหนวกตาบอด ต้องฟังต้องดูอย่างกว้างที่สุด อยู่เสมอ แต่อย่าเชื่อคนสอพลอ หรือเชื่อคนพูดก่อนและฟ้องก่อน เพราะคนพูดภายหลังอาจพูดจริงกว่าคนที่พูดก่อนก็เป็นได้             ๒. เมื่อมีความขุ่นข้องกับผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือผู้น้อย เมื่อได้ว่ากล่าวลงโทษ หรือตักเตือนแล้ว จงอย่าจำเอาไว้ อาฆาตมาดร้ายภายหลังอีก             ๓. ให้พยายามหาความดีความงามมาสู่คณะ และปูนบำเหน็จกับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา และผู้น้อย สำหรับผู้ที่สมควรจะได้รับตามโอกาสที่จักพึงหาได้นั้นอยู่เสมอ             ๔. จงติโทษหรือลงโทษผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะที่ทำผิด โดยไม่เกรงใจหรือกลัวเขาเกลียด ให้เคร่งครัดอยู่เสมอ จะละเลยเสียมิได้เป็นอันขาด เพราะภายหลังจะกำเริบและแก้ไขยาก             ๕. จงอย่าใช้อำนาจราชการลงโทษกับผู้ซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะเมื่อตนบันดาลโทสะ และอย่ากล่าวคำหยาบ ให้กระทบกระเทือนถึงวงศ์ตระกูล เพราะผู้อื่นเขาก็มีจิตใจเป็นมนุษย์เหมือนเราเหมือนกัน             ๖. จงบำรุงการสมาคม และแสดงกิริยา วาจา ใจ ให้เป็นการโอภ