ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ในหลวง

 ชัดเจนซะที ... ทรัพย์สินส่วนพระองค์ กับ ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จะได้ไม่เข้าใจผิด เอาไปพูดผิดๆกันอีก ... รบกวนแชร์ออกไปให้ได้มากที่สุดค่ะ 
 
ท่านทราบอะไรที่เกี่ยวกับในหลวง 
ในเรื่องต่อไปนี้ชัดหรือยัง
 
ข้อมูลเป็นตามนี้นะครับ...
อย่าเข้าใจกันผิดอีกหล่ะ....
 
ถ้าช่วยกันแชร์ น่าจะดีนะครับ
 
ท่านทราบไหมว่า 
วังที่ในหลวงพระทับที่สวนจิตรนั้น เป็นบ้านที่เล็กกว่าบ้านของเศรษฐีไทยหลายพันคน 
 
และเล็กกว่าแม้กระทั่งบ้านของอดีตรมต.หลายร้อยคน 
 
วังสวนจิตรลดาถึงแม้ดูจะมีบริเวณใหญ่กว้างขวาง
แต่ส่วนที่เป็นที่ประทับมีบริเวณเล็กมาก 
 
ที่ดินส่วนใหญ่เป็นโรงเรียน โรงงานทดลอง ทำปุ๋ย ที่เลี้ยงวัว ที่ทดลองปลูกข้าว
 
บุคคลทั่วไปก็เข้าไปที่รร.
จิตรลดา ได้โดยขอแลกบัตร ได้ทุกคน 
จากบริเวณโรงเรียน ก็มองเห็นอาคารที่ประทับได้ห่างออกไปไม่ถึง 100 เมตร
 
ใครที่อยากจะเห็นด้วยตาตนเอง ก็เข้าไปดูได้สะดวก ง่ายๆ 
 
ผมเห็นว่าพระองค์ท่านกินอยู่ แบบคนไทยชั้นกลางทั่วไป 
 
ไม่ใช่แบบเศรษฐีไทย อย่างแน่นอน
 
คนซ่อมรองพระบาท (รองเท้า) ของพระองค์ได้เล่าให้พวกเราได้รับทราบว่า 
ท่านจะส่งรองเท้าเก่าท่านมาซ่อมตลอด จนซ่อมไม่ไหว 
รองพระบาทเก่าคู่นั้น 
ช่างยังเก็บไว้ให้เราไปดูได้
 
สมาคมทันตแพทย์ไทย 
ไปขอพระราชทานหลอดยาสีฟันเก่า ที่ทรงใช้ได้จนหยดสุดท้าย โดยรีดจนหลอดแบนเป็นกระดาษ ไปขอดูที่สมาคมได้
 
เกี่ยวกับทรัพย์สินมูลค่ามากมายของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตรย์ ที่ฝรั่งไปเอามูลค่าของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์มาเผยแพร่ เช่น บริษัทปูนซีเมนต์ไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ นั้นไม่ใช่เป็นทรัพย์สินของในหลวง
 
 ไม่ใช่ครับ
 
ที่เป็นของพระองค์ท่านส่วนพระองค์ มีครับแต่ไม่มาก เรียกว่า 
"ทรัพย์สินส่วนพระองค์" 
และจะต้องเสียภาษีอากรภายใต้กฏหมายเหมือนประชาชนทั่วไป
 
ทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์เดิมที่ถูกยึดมาเป็นของรัฐ หลังปฎิวัติ 2475 นั้น 
ตกเป็นของรัฐทั้งหมด 
 
เห็นได้ว่าทรัพย์สินส่วนนี้จึงไม่ต้องเสียภาษี เหมือนส่วนที่เรียกว่า 
"ทรัพย์สินส่วนพระองค์"
 
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลยุคเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 
ให้ รมต.คลังของรัฐบาลเป็นประธาน ควบคุมดูแล 
 
ที่จริงก็คือทรัพย์สมบัติของราชวงค์จักรีเดิม ถูกยึดมาเป็นของกลาง ยึดเป็นของรัฐฯ หมดแล้ว หลังจากได้ยึดอำนาจจากระบบปกครองโดยกษัตริย์ 
 
โดยรัฐบาลใดๆที่ชนะการเลือกตั้ง ก็จะได้สมบัติที่ยึดมาทั้งหมดนี้ไปดูแล 
ที่ดินของราชวงค์จำนวนมากก็ถูกยึดมา เรียกว่า 
ที่ดินราชพัสดุ 
กระทรวงการคลังดูแล
 
ธนาคารออมสิน 
ธนาคารที่ ร.6 ตั้งด้วยเงินส่วนพระองค์เริ่มต้นเอง 
ปัจจุบันมีเงินทุนเพิ่มพูนเป็นแสนล้าน 
ก็กลายเป็นธนาคารของรัฐ 100 เปอร์เซ็นต์ 
ใช้ระเบียบที่ ร. 6 ท่านวางไว้ 
 
เดิมให้เสนาบดีพระคลังเป็นคนดูแล 
 
ปัจจุบัน รมต.คลังเป็นคนดูแลเอง ตั้งกรรมการได้เองทั้งคณะ 
รัฐบาลจึงเอาเงินไปใช้ได้สะดวกมาก 
พระราชวงค์ไม่มีสิทธิ์ใดๆ ในธนาคารเลย
 
ผมเป็นคนไทยธรรมดา 
มิได้เกี่ยวข้องเป็นราชนิกูล
แต่อย่างใด 
มีเชื้อสายบรรพบุรุษเป็นมอญ ลาว จีน มีเชื้อสายไทยแค่ 1 ใน 4 เท่านั้น 
แต่ก็ได้เกิดมาในประเทศไทยที่มีความสุขและมีกษัตริย์ที่ดี 
 
ผมจึงรักในหลวงมาก 
การใส่ร้ายพระองค์ท่านต่างๆนานาในขณะนี้ 
ไม่ให้ความเป็นธรรมกับพระองค์ท่านเลย 
และเริ่มมีคนหลงไหลเพิ่มขึ้นโดยยังไม่รู้ความจริง
และเชื่อคำให้ร้ายต่างๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
 
ผมจึงต้องอาสาออกมาชี้แจง ข้อเท็จจริงมีอยู่ 
พิสูจน์ได้ 
ใครยังไม่เห็นจริงก็ออกมาโต้ได้ 
อย่าเชื่อโดยไม่พิสูจน์ก่อน
 
ขอแสดงความนับถือ
 
รองศาสตราจารย์ ดร.ต่อตระกูล ยมนาค

 Cr.   รองศาสตราจารย์ ดร.ต่อตระกูล ยมนาค Cr. http://m.pantip.com/topic/30705269? 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ที่มาของคำว่า เสียหมา

  มีเรื่องเล่าที่อยากมาแชร์ แต่ไม่การันตีว่าจริงแท้แค่ไหนนะเออ.... ที่มาของคำว่า .....เสียหมา.... ** "เสียหมา"** แล้ว "เสียหมา" ทำไม? จึงหมายถึง "เสียฟอร์ม - เสียท่า" "เสียหมา" เกิดขึ้นในช่วงสงครามเวียดนามเมื่อประมาณ 30 - 40 ปีก่อน ตอนนั้นยังมี เวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ สหรัฐอเมริกาหนุนเวียดนามใต้ สู้กับเวียดนามเหนือ หรือพวก "เวียดกง" "เวียดกง" เป็นเจ้าของกลยุทธ์ การสู้รบแบบ "กองโจร" "เอ็งมา ข้ามุด เอ็งหยุด ข้าแหย่ เอ็งแย่ ข้าตาม" ไม่สู้แบบปะทะตรงๆ เพราะสู้กับกองทัพสหรัฐอเมริกาไม่ได้ เขาจึงใช้กลยุทธ์ "กองโจร" ใช้วิธีซุ่มโจมตีแทน ที่เด็ดมาก และแสดงถึงความมานะอดทนของ "เวียดกง" ก็คือ การขุดอุโมงค์ใต้ดิน ต่อเชื่อมกันเป็นระยะทางไกลๆ โผล่ขึ้นมาถล่มทหารสหรัฐ แล้วก็มุดเข้าอุโมงค์หนีไป วันหนึ่ง กองทัพสหรัฐคิดวิธีใหม่ในการค้นหาอุโมงค์ของ "เวียดกง" ได้สำเร็จเขาใช้สุนัขทหารที่ดมกลิ่นเก่งมากๆ เป็นตัวนำทาง ทหารสหรัฐจะส่งสุนัขล่วงหน้าไป พอเจออุโมงค์ที่ไหน มันก็จะเห่าบอ

สด.8 คืออะไร

สด. 8           ใบ สด.8 คือ สมุดประจำตัวของทหารกองหนุนที่ผ่านการเป็นทหารกองประจำการแล้วรวมทั้งผู้ที่สำเร็จการศึกษาวิชาทหารชั้นปี 3(รด) เป็นหนังสือสำคัญ ที่ติดมาพร้อมกับ สมุดประจำตัวทหารกองหนุนประเภทที่ ๑ สด.8 จะอยู่ในสมุดประจำตัวทหารกองหนุน พร้อมหนังสือสำคัญ(แบบ สด.8) หน้ากลางเล่ม เวลาใช้งานให้ถ่ายเอกสารหน้ากลางตรงส่วนที่ระบุว่า สด.8 ทั้งสองส่วน ซึ่งจะได้รับ สด. 8 เมื่อ รับราชการทหารกองประจำการ (คือ เป็นทหารเกณฑ์ ) จนครบกำหนดปลด        เรียน รด. จบปี 3 (เพราะ จบ รด. ไม่ต้องไป เกณฑ์ทหาร และไม่ต้องเป็นทหารกองประจำการ )        เมื่อจบ รด.ปี 3 จะได้รับการขึ้นทะเบียนกองประจำการ และ นำปลด เป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1       ในวันเดียวกัน โดยไม่ต้องไปรับราชการในกองประจำการ ( ไม่ต้องเป็นทหารเกณฑ์นั่นเอง )        แต่ ยังคงเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 การนับอายุของทหาร        การนับอายุจะนับที่ปี พ.ศ. โดยเกิด 1 มกราคม ไปจนถึง เกิด 31 ธันวาคม ของปี ใดก็ตาม ถือว่า อายุ เท่ากัน ทั้งปี และ เริ่มนับ เมื่อวันที่ 1 มกราคม เป็น อายุ ครบ ปี บริบูรณ์       ทหารกองหนุนประเภทที่ 1 แบ่ง

…..จอมพลสอนทหาร ………..

             ๑. ผู้ใดเป็นผู้บังคับบัญชาและผู้ใหญ่ อย่าเป็นคนหูเบา แต่ก็มิใช่เป็นคนหูหนวกตาบอด ต้องฟังต้องดูอย่างกว้างที่สุด อยู่เสมอ แต่อย่าเชื่อคนสอพลอ หรือเชื่อคนพูดก่อนและฟ้องก่อน เพราะคนพูดภายหลังอาจพูดจริงกว่าคนที่พูดก่อนก็เป็นได้             ๒. เมื่อมีความขุ่นข้องกับผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือผู้น้อย เมื่อได้ว่ากล่าวลงโทษ หรือตักเตือนแล้ว จงอย่าจำเอาไว้ อาฆาตมาดร้ายภายหลังอีก             ๓. ให้พยายามหาความดีความงามมาสู่คณะ และปูนบำเหน็จกับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา และผู้น้อย สำหรับผู้ที่สมควรจะได้รับตามโอกาสที่จักพึงหาได้นั้นอยู่เสมอ             ๔. จงติโทษหรือลงโทษผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะที่ทำผิด โดยไม่เกรงใจหรือกลัวเขาเกลียด ให้เคร่งครัดอยู่เสมอ จะละเลยเสียมิได้เป็นอันขาด เพราะภายหลังจะกำเริบและแก้ไขยาก             ๕. จงอย่าใช้อำนาจราชการลงโทษกับผู้ซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะเมื่อตนบันดาลโทสะ และอย่ากล่าวคำหยาบ ให้กระทบกระเทือนถึงวงศ์ตระกูล เพราะผู้อื่นเขาก็มีจิตใจเป็นมนุษย์เหมือนเราเหมือนกัน             ๖. จงบำรุงการสมาคม และแสดงกิริยา วาจา ใจ ให้เป็นการโอภ