ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ เป็นการส่วนพระองค์

 วันที่ 12 พฤษภาคม เวลา 19.41 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ เป็นการส่วนพระองค์ มายังลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 หรือ ลานพระบรมรูปทรงม้า ณ ลานพระราชวังดุสิต

เพื่อทอดพระเนตรการแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
โดยในวันนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ได้พระราชทานพระราชานุญาตให้วงดุริยางค์กองทัพอากาศ จัดแสดงในแนวคิด “ ยิ้มสู้ จงรักษ์ ภักดี”
ก่อนการแสดงจะเริ่มขึ้นสมเด็จพระเจ้าอยู่ได้เสด็จพระราชดำเนินประกำลังใจให้แก่ จิตอาสาที่มาร่วมประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ ในโครงการจิตอาสาประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์พระราชทาน เพื่อทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และทอดพระเนตรเต๊นท์พระราชทานเครื่องสักการะพระบรมรูปทรงม้า ที่ฝั่งประตูสวนอัมพร

 
และเมื่อเวลา 18.15 น. พลอากาศเอกภักดี แสง-ชูโต รองราชเลขาธิการพระราชวังได้เป็นตัวแทนนำคณะ วงดุริยางค์กองทัพอากาศ พร้อมด้วยผู้นำเหล่าทัพ ผู้บังคับบัญชาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่และประชาชน ถวายสักการะพระราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจากนั้นได้นำคณะเจ้าหน้าที่หันหน้าเข้าสู่พระบรมมหาราชวังเพื่อถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ก่อนที่การแสดงดนตรีจะเริ่มขึ้น
ต่อมาวงดุริยางค์ทหารอากาศได้เริ่มบรรเลง บทเพลงเฉลิมพระเกียรติ ตั้งแต่เวลา 19.00 น. – 21.30 น.ในรูปแบบวงบิ๊กแบรนด์ประกอบด้วย เครื่องดีด สี ตีเป่า ครบวง มีนักร้อง และนักร้องประสานเสียงของกองดุริยางค์กองทัพอากาศ รวม 80 คน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ ยิ้มสู้ จงรักษ์ ภักดี”


โดยการแสดงมีทั้งหมด 27 บทเพลง แบ่งออกเป็น 4 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 บทเพลงพระราชนิพนธ์ ได้แก่ เราสู้, สายลม, ยิ้มสู้, โอ้ ไอเซย์ (Oh I Say) และ บทเพลงความฝันอันสูงสุด ช่วงที่ 2 บทเพลงร่วมสมัย ได้แก่ ทะเลบ้า, เมืองกังวล, ชั่วนิจนิรันดร์, คิดถึง, ลาวคำหอม และลาวเจริญศรี ช่วงที่ 3 บทเพลงเทิดพระเกีรติและบทเพลงของกองทัพอากาศ ได้แก่ ต้นไม้ของพ่อ, ในหลวงในดวงใจ, เทวดา, คิง ออฟ คิงส์, เพลงแด่เธอ ซึ่งเป็นบทเพลงของกองทัพอากาศ มีเนื้อหาพูดถึงทหารอากาศที่ออกไปปฏิบัติภารกิจซึ่งมีทั้งที่ได้กลับมาและไม่ได้กลับมา สำหรับบทเพลงไฮไลท์ที่นำมาจัดแสดงในคอนเสิร์ตเทิดพระเกีรติฯ ครั้งนี้ คือบทเพลงชัยพัฒนา ซึ่งกองทัพอากาศประพันธ์ถวายในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งทรงก่อตั้งมูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งกองทัพอากาศนำมาบรรเลงทุกครั้งที่มีการจัดแสดง
 
นอกจากนี้ในช่วงที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายเป็นการแสดงบทเพลงขับร้องและเพลงบรรเลงสากล ได้แก่ มิดไนท์ อิน มอสโค, วอชิงตัน สแควร์, เซอเวย์,ฟิลลิ่ง กู๊ด, เพลงฮีโร และปิดท้ายด้วยเพลงมหาราชพระจอมสยาม ประพันธ์โดยคุณสติ สติฐิต ซึ่งบรรยายถึงพระราชกรณียกิจของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 โดยบทเพลงดังกล่าว ดุริยางค์กองทัพอากาศใช้เป็นเพลงปิดท้ายคอนเสิร์ตทัพฟ้าคู่ไทย ทุกครั้ง”
 
สำหรับการแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติสามารถรับชมได้ทุกวันเสาร์ เวลา 19.00-21.00 น. ผู้ที่มาชมการแสดงดนตรีสามารถจอดรถได้ที่สนามเสือป่า และสวนอัมพร โดยวันเสาร์ที่ 20 พ.ค. เป็นการแสดงของวงดุริยางค์ตำรวจ
 
 
 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ที่มาของคำว่า เสียหมา

  มีเรื่องเล่าที่อยากมาแชร์ แต่ไม่การันตีว่าจริงแท้แค่ไหนนะเออ.... ที่มาของคำว่า .....เสียหมา.... ** "เสียหมา"** แล้ว "เสียหมา" ทำไม? จึงหมายถึง "เสียฟอร์ม - เสียท่า" "เสียหมา" เกิดขึ้นในช่วงสงครามเวียดนามเมื่อประมาณ 30 - 40 ปีก่อน ตอนนั้นยังมี เวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ สหรัฐอเมริกาหนุนเวียดนามใต้ สู้กับเวียดนามเหนือ หรือพวก "เวียดกง" "เวียดกง" เป็นเจ้าของกลยุทธ์ การสู้รบแบบ "กองโจร" "เอ็งมา ข้ามุด เอ็งหยุด ข้าแหย่ เอ็งแย่ ข้าตาม" ไม่สู้แบบปะทะตรงๆ เพราะสู้กับกองทัพสหรัฐอเมริกาไม่ได้ เขาจึงใช้กลยุทธ์ "กองโจร" ใช้วิธีซุ่มโจมตีแทน ที่เด็ดมาก และแสดงถึงความมานะอดทนของ "เวียดกง" ก็คือ การขุดอุโมงค์ใต้ดิน ต่อเชื่อมกันเป็นระยะทางไกลๆ โผล่ขึ้นมาถล่มทหารสหรัฐ แล้วก็มุดเข้าอุโมงค์หนีไป วันหนึ่ง กองทัพสหรัฐคิดวิธีใหม่ในการค้นหาอุโมงค์ของ "เวียดกง" ได้สำเร็จเขาใช้สุนัขทหารที่ดมกลิ่นเก่งมากๆ เป็นตัวนำทาง ทหารสหรัฐจะส่งสุนัขล่วงหน้าไป พอเจออุโมงค์ที่ไหน มันก็จะเห่าบอ

สด.8 คืออะไร

สด. 8           ใบ สด.8 คือ สมุดประจำตัวของทหารกองหนุนที่ผ่านการเป็นทหารกองประจำการแล้วรวมทั้งผู้ที่สำเร็จการศึกษาวิชาทหารชั้นปี 3(รด) เป็นหนังสือสำคัญ ที่ติดมาพร้อมกับ สมุดประจำตัวทหารกองหนุนประเภทที่ ๑ สด.8 จะอยู่ในสมุดประจำตัวทหารกองหนุน พร้อมหนังสือสำคัญ(แบบ สด.8) หน้ากลางเล่ม เวลาใช้งานให้ถ่ายเอกสารหน้ากลางตรงส่วนที่ระบุว่า สด.8 ทั้งสองส่วน ซึ่งจะได้รับ สด. 8 เมื่อ รับราชการทหารกองประจำการ (คือ เป็นทหารเกณฑ์ ) จนครบกำหนดปลด        เรียน รด. จบปี 3 (เพราะ จบ รด. ไม่ต้องไป เกณฑ์ทหาร และไม่ต้องเป็นทหารกองประจำการ )        เมื่อจบ รด.ปี 3 จะได้รับการขึ้นทะเบียนกองประจำการ และ นำปลด เป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1       ในวันเดียวกัน โดยไม่ต้องไปรับราชการในกองประจำการ ( ไม่ต้องเป็นทหารเกณฑ์นั่นเอง )        แต่ ยังคงเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 การนับอายุของทหาร        การนับอายุจะนับที่ปี พ.ศ. โดยเกิด 1 มกราคม ไปจนถึง เกิด 31 ธันวาคม ของปี ใดก็ตาม ถือว่า อายุ เท่ากัน ทั้งปี และ เริ่มนับ เมื่อวันที่ 1 มกราคม เป็น อายุ ครบ ปี บริบูรณ์       ทหารกองหนุนประเภทที่ 1 แบ่ง

…..จอมพลสอนทหาร ………..

             ๑. ผู้ใดเป็นผู้บังคับบัญชาและผู้ใหญ่ อย่าเป็นคนหูเบา แต่ก็มิใช่เป็นคนหูหนวกตาบอด ต้องฟังต้องดูอย่างกว้างที่สุด อยู่เสมอ แต่อย่าเชื่อคนสอพลอ หรือเชื่อคนพูดก่อนและฟ้องก่อน เพราะคนพูดภายหลังอาจพูดจริงกว่าคนที่พูดก่อนก็เป็นได้             ๒. เมื่อมีความขุ่นข้องกับผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือผู้น้อย เมื่อได้ว่ากล่าวลงโทษ หรือตักเตือนแล้ว จงอย่าจำเอาไว้ อาฆาตมาดร้ายภายหลังอีก             ๓. ให้พยายามหาความดีความงามมาสู่คณะ และปูนบำเหน็จกับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา และผู้น้อย สำหรับผู้ที่สมควรจะได้รับตามโอกาสที่จักพึงหาได้นั้นอยู่เสมอ             ๔. จงติโทษหรือลงโทษผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะที่ทำผิด โดยไม่เกรงใจหรือกลัวเขาเกลียด ให้เคร่งครัดอยู่เสมอ จะละเลยเสียมิได้เป็นอันขาด เพราะภายหลังจะกำเริบและแก้ไขยาก             ๕. จงอย่าใช้อำนาจราชการลงโทษกับผู้ซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะเมื่อตนบันดาลโทสะ และอย่ากล่าวคำหยาบ ให้กระทบกระเทือนถึงวงศ์ตระกูล เพราะผู้อื่นเขาก็มีจิตใจเป็นมนุษย์เหมือนเราเหมือนกัน             ๖. จงบำรุงการสมาคม และแสดงกิริยา วาจา ใจ ให้เป็นการโอภ