ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

จงอย่าทอดที้งความดีของเราเพราะความเลวของผู้อื่น

(ก่อนตะวันลับฟ้า)
ผู้ทรงศีลนั่งสมาธิข้างริมน้ำ ได้ยินเสียงดิ้นรนในน้ำ
ก็ลืมตาขึ้น เห็นแมงป่องตกอยู่ในน้ำ
ท่านก็ใช้มือช้อนมันขึ้นมาขณะเดียวกันแมงป่องก็ชูหางขึ้นแล้วต่อยไปที่มือท่าน ท่านปล่อยแมงป่องลงที่ฝั่ง แล้วหลับตาทำสมาธิต่อ
ผ่านไปสักครู่ก็ได้ยินเสียงดิ้นรนในน้ำอีก ท่านลืมตาขึ้น เห็นแมงป่องตกลงไปในน้ำอีก ก็เอามือช้อนมันขึ้นมาอีก
แน่นอนแมงป่องก็ต่อยไปที่มือท่านอีก ท่านก็หลับตาทำสมาธิต่อ
ผ่านไปสักครู่เหตุการณ์ก็ได้เกิดขึ้นซ้ำอีก
ชาวประมงที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้น"ท่านทำไมช่างโง่จัง ไม่รู้หรือว่าแมงป่องมันต่อยคน?"
ผู้ทรงศีลตอบว่า"รู้ โดนมันต่อยสามครั้งแล้ว" ชาวประมงพูดว่า
"แล้วท่านทำไมยังจะช่วยมันอีก"
ผู้ทรงศีล:"การต่อยคนเป็นสัญชาตญาณของมัน
แต่ความเมตตาเป็นสัญชาตญาณของเรา
สัญชาตญาณของมันไม่สามารถมาเปลี่ยนสัญชาตญาณของเรา"
ขณะนั้นเองก็ได้ยินเสียงดิ้นรนในน้ำอีก แมงป่องตัวเดิมนั่นแหละ
ท่านไม่รีรอเตรียมที่จะนำมือที่บวมยื่นไปช่วยมัน
ขณะเดียวกันชาวประมงก็ยื่นกิ่งไม้ให้กับผู้ทรงศีล ท่านก็นำกิ่งไม้ช้อนแมงป่องขึ้นมา
ชาวประมงยิ้มและพูดว่า
"ความเมตตานั้นดี ในเมื่อมีความเมตตาต่อแมงป่องก็ต้องมีความเมตตาต่อตัวเองด้วย ฉะนั้นความเมตตาต้องมีวิธีการของความเมตตา"
ต้องดูแลตัวเองให้ดี ถึงจะมีสิทธิไปช่วยผู้อื่น
นิทานเรื่องนี้ผมชอบมาก
ทำให้ได้คิดถึงประโยคหนึ่งที่ผู้คนชอบพูดกัน
"เดี๋ยวนี้จะทำตัวเป็นคนดีนั้นยาก"
ใช่แล้ว สัญชาตญาณของคนดีคือทำความดี
แต่ผู้ถูกช่วยอาจจะไม่ใช่คนดี และผลของการช่วยคนก็อาจจะไม่เกิดผลที่ดี
แล้วทำไมจึงเป็นเช่นนี้?
เหมือนกับชาวประมงพูดไว้"เมตตาต้องมีวิธีการของความเมตตา"
"ความเมตตานั้นดี ในเมื่อจะเมตตาต่อแมงป่องก็ต้องเมตตาต่อตัวเองด้วย"
ในความเป็นจริงกำลังเตือนเรา
ต้องรู้จักรับผิดชอบต่อตัวเองก่อน ถึงจะสามารถรับผิดชอบต่อผู้อื่นได้อย่างแท้จริง
คนที่ไม่สามารถรับผิดชอบต่อตัวเอง แล้วจะไปรับผิดชอบต่อผู้อื่นได้ จะเป็นไปได้ไหม?
ดูแลตัวเองให้ดี ถึงจะมีสิทธิ์ไปดูแลผู้อื่น
และประโยคนี้ก็ชอบมาก
"สัญชาตญาณของแมงป่องนั้นต่อยคน แต่สัญชาตญาณของเราคือความเมตตา สัญชาตญาณของมันจะไม่สามรถมาเปลี่ยนสัญชาตญาณของเรา"
"ความเมตตานั้นดี ในเมื่อจะเมตตาต่อแมงป่องก็ต้องเมตตาต่อตัวเองด้วย และต้องมีวิธีการของความเมตตาด้วย"
จะไม่ให้ความเลวของผู้อื่นมามีอิทธิพลกับความดีของเรา
จะไม่ยอมให้การกระทำและวาจาของผู้อื่นมามีผลต่อจิตใจและการกระทำของเรา
ผู้ที่มีปัญญาสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได.้
ผู้เขลาปัญญาอารมณ์ของตนจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมและวาจาของผู้อื่น
จงอย่าทอดที้งความดีของเราเพราะความเลวของผู้อื่น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ที่มาของคำว่า เสียหมา

  มีเรื่องเล่าที่อยากมาแชร์ แต่ไม่การันตีว่าจริงแท้แค่ไหนนะเออ.... ที่มาของคำว่า .....เสียหมา.... ** "เสียหมา"** แล้ว "เสียหมา" ทำไม? จึงหมายถึง "เสียฟอร์ม - เสียท่า" "เสียหมา" เกิดขึ้นในช่วงสงครามเวียดนามเมื่อประมาณ 30 - 40 ปีก่อน ตอนนั้นยังมี เวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ สหรัฐอเมริกาหนุนเวียดนามใต้ สู้กับเวียดนามเหนือ หรือพวก "เวียดกง" "เวียดกง" เป็นเจ้าของกลยุทธ์ การสู้รบแบบ "กองโจร" "เอ็งมา ข้ามุด เอ็งหยุด ข้าแหย่ เอ็งแย่ ข้าตาม" ไม่สู้แบบปะทะตรงๆ เพราะสู้กับกองทัพสหรัฐอเมริกาไม่ได้ เขาจึงใช้กลยุทธ์ "กองโจร" ใช้วิธีซุ่มโจมตีแทน ที่เด็ดมาก และแสดงถึงความมานะอดทนของ "เวียดกง" ก็คือ การขุดอุโมงค์ใต้ดิน ต่อเชื่อมกันเป็นระยะทางไกลๆ โผล่ขึ้นมาถล่มทหารสหรัฐ แล้วก็มุดเข้าอุโมงค์หนีไป วันหนึ่ง กองทัพสหรัฐคิดวิธีใหม่ในการค้นหาอุโมงค์ของ "เวียดกง" ได้สำเร็จเขาใช้สุนัขทหารที่ดมกลิ่นเก่งมากๆ เป็นตัวนำทาง ทหารสหรัฐจะส่งสุนัขล่วงหน้าไป พอเจออุโมงค์ที่ไหน มันก็จะเห่าบอ

สด.8 คืออะไร

สด. 8           ใบ สด.8 คือ สมุดประจำตัวของทหารกองหนุนที่ผ่านการเป็นทหารกองประจำการแล้วรวมทั้งผู้ที่สำเร็จการศึกษาวิชาทหารชั้นปี 3(รด) เป็นหนังสือสำคัญ ที่ติดมาพร้อมกับ สมุดประจำตัวทหารกองหนุนประเภทที่ ๑ สด.8 จะอยู่ในสมุดประจำตัวทหารกองหนุน พร้อมหนังสือสำคัญ(แบบ สด.8) หน้ากลางเล่ม เวลาใช้งานให้ถ่ายเอกสารหน้ากลางตรงส่วนที่ระบุว่า สด.8 ทั้งสองส่วน ซึ่งจะได้รับ สด. 8 เมื่อ รับราชการทหารกองประจำการ (คือ เป็นทหารเกณฑ์ ) จนครบกำหนดปลด        เรียน รด. จบปี 3 (เพราะ จบ รด. ไม่ต้องไป เกณฑ์ทหาร และไม่ต้องเป็นทหารกองประจำการ )        เมื่อจบ รด.ปี 3 จะได้รับการขึ้นทะเบียนกองประจำการ และ นำปลด เป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1       ในวันเดียวกัน โดยไม่ต้องไปรับราชการในกองประจำการ ( ไม่ต้องเป็นทหารเกณฑ์นั่นเอง )        แต่ ยังคงเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 การนับอายุของทหาร        การนับอายุจะนับที่ปี พ.ศ. โดยเกิด 1 มกราคม ไปจนถึง เกิด 31 ธันวาคม ของปี ใดก็ตาม ถือว่า อายุ เท่ากัน ทั้งปี และ เริ่มนับ เมื่อวันที่ 1 มกราคม เป็น อายุ ครบ ปี บริบูรณ์       ทหารกองหนุนประเภทที่ 1 แบ่ง

…..จอมพลสอนทหาร ………..

             ๑. ผู้ใดเป็นผู้บังคับบัญชาและผู้ใหญ่ อย่าเป็นคนหูเบา แต่ก็มิใช่เป็นคนหูหนวกตาบอด ต้องฟังต้องดูอย่างกว้างที่สุด อยู่เสมอ แต่อย่าเชื่อคนสอพลอ หรือเชื่อคนพูดก่อนและฟ้องก่อน เพราะคนพูดภายหลังอาจพูดจริงกว่าคนที่พูดก่อนก็เป็นได้             ๒. เมื่อมีความขุ่นข้องกับผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือผู้น้อย เมื่อได้ว่ากล่าวลงโทษ หรือตักเตือนแล้ว จงอย่าจำเอาไว้ อาฆาตมาดร้ายภายหลังอีก             ๓. ให้พยายามหาความดีความงามมาสู่คณะ และปูนบำเหน็จกับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา และผู้น้อย สำหรับผู้ที่สมควรจะได้รับตามโอกาสที่จักพึงหาได้นั้นอยู่เสมอ             ๔. จงติโทษหรือลงโทษผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะที่ทำผิด โดยไม่เกรงใจหรือกลัวเขาเกลียด ให้เคร่งครัดอยู่เสมอ จะละเลยเสียมิได้เป็นอันขาด เพราะภายหลังจะกำเริบและแก้ไขยาก             ๕. จงอย่าใช้อำนาจราชการลงโทษกับผู้ซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะเมื่อตนบันดาลโทสะ และอย่ากล่าวคำหยาบ ให้กระทบกระเทือนถึงวงศ์ตระกูล เพราะผู้อื่นเขาก็มีจิตใจเป็นมนุษย์เหมือนเราเหมือนกัน             ๖. จงบำรุงการสมาคม และแสดงกิริยา วาจา ใจ ให้เป็นการโอภ