ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ประเพณี "ลักพระศพ"

ประเพณี "ลักพระศพ" เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน…
โดยล่าสุดทางผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า Wassana Nanuam ได้โพสต์เผยแพร่ภาพพร้อมข้อความและคลิปวีดีโอในขณะที่เจอขบวน การ”ลักพระศพ” ในหลวง ร.๙ ประทับ ที่ พระเมรุมาศ กลางสนามหลวง ซึ่งตามประเพณีจะทำก่อนวัน พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ จะมาถึงอีกหนึ่ง แม้จะเป็นการทำแบบเงียบ แต่กลับทำให้บรรดาพสกนิกรไทยที่พบเห็นใจหายไปตามๆกัน โดยได้ระบุข้อความไว้ว่า…
“ในหลวง ร.9″ ทรงมาประทับ ที่ พระเมรุมาศ กลางสนามหลวงแล้ว… การ”ลักพระศพ” จากเวลา19:49-2018 น….เสร็จสิ้น ….”ร.10″ เสด็จกลับ ส่วน สมเด็จพระเทพฯ กลับเข้าวัง อีกครั้ง
ใจหาย!!!
เป็นการสันนิษฐาน จาก การดูด้วยสายตา และอยู่ในบริเวณนี้
แม้จะเป็น ว.5″
โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า Wassana Nanuam ได้ออกมาเผยแพร่ข้อความพร้อมคำชี้แจ้งถึงเรื่องราวที่มีการอัญเชิญ พระศพ ไปขึ้นพระเมรุมาศ ก่อนวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ จะมาถึง ถูกเผยแพร่ไปก่อนหน้านี้ พร้อมระบุข้อความว่า…
“...กำลัง “สารวัตรทหารเรือ” มาวางกำลัง ยืนยาม โดยรอบสนามหลวง แล้ว…..
มีคำชี้แจงว่า …ประเพณี หรือ พิธีลักพระศพ ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ แต่ เป็นความเชื่อ เท่านั้น ว่า มีการอัญเชิญ พระศพ ไปขึ้นพระเมรุมาศ ก่อน……แต่ก็ไม่เคยมีหลักฐานว่า มีเกิดขึ้นจริง
เช่นเดียวกับครั้งนี้. ก็เป็นแค่การสันนิษฐาน จากที่อยู่ในบริเวณโดยรอบ แต่ไม่ได้เห็นด้วยตา ใกล้ๆ
แต่จากการที่ ได้อ่านในสื่อหลายแขนงว่า จะมีพิธีนี้….. จึงคอยเฝ้าดู จากพื้นที่ โดยรอบ เท่านั้น
การพิธี แบบนี้ มีจริง หรือไม่ ไม่มีใครพิสูจน์ได้ เป็นแค่ความเชื่อ เท่านั้น”
ในคำว่า “ลักพระศพ” เป็นชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการของเจ้าพนักงานภูษามาลาที่ใช้พูดถึงขั้นตอนการอัญเชิญพระศพไปยังพระเมรุก่อนงานพระราชพิธี จะรีบกระทำในเวลาลางคืน หรือเช้ามืดก่อนงานพระราชพิธี โดยจะอัญเชิญพระโกศทรงพระศพออกจากตำหนัก หรือวังที่ประทับ ขึ้นยังพระราชยานรถม้า หรือราชยานคนหาม ไปยังสถานที่ใดที่หนึ่ง เพื่อตั้งรอริ้วขบวนงานพระราชพิธีที่จะเกิดขึ้นในตอนเช้า
แท้จริงนั้นไม่ได้เชิญพระบรมศพลงพระบรมโกศ พระบรมศพจะถูกอัญเชิญโดยธรรมเนียมที่เรียกว่า “ลักพระศพ” ไปยังพระเมรุมาศในคืนก่อนแล้ว ส่วนพระบรมโกศที่แห่ไปนั้น ทางการใช้คำว่า ขบวนพระราชอิสริยยศ ประกอบขึ้นเพื่อเป็นเกียรติยศเต็ม สูงสุดตามโบราณราชประเพณี
ลักพระศพ ก็คือธรรมเนียมการเคลื่อนย้ายศพเจ้านายในยามวิกาล กระทำเป็นการภายใน ไม่บอกให้ใครรับรู้ ไม่มีหมายกำหนดการ แต่สามารถบันทึกเหตุการณ์เป็นจดหมายเหตุได้
ส่วนในโกศที่แห่ไปนั้นก็ใช่ว่าเป็นโกศเปล่า ภายในมีการบรรจุของบางอย่าง ในกรณีนี้ทราบมาว่าใช้แผ่นทองจำหลักดวงพระชะตาของพระองค์ท่านบรรจุไว้ภายใน
ธรรมเนียมการปฏิบัติเกี่ยวกับพระบรมศพ และพระศพของพระราชวงศ์นั้นได้มีการปรับเปลี่ยนไปมากจากอดีต เห็นได้อย่างชัดเจนเรื่องหนึ่งก็คือ มีการนำหีบมาใช้ทรงพระศพแทนการใช้พระโกศ
ดังนั้นเมื่อพระศพประดิษฐานลงหีบ พอถึงวันแห่จึงทำให้บนพระมหาราชรถนั้นมีเพียงพระโกศเปล่า เนื่องจากพระมหาราชรถสร้างไว้ตั้งแต่ต้นกรุงออกแบบให้วางได้เฉพาะพระโกศเท่านั้น
หีบทรงพระศพจึงไม่สามารถขึ้นวางบนพระมหาราชรถได้ เจ้าพนักงานจึงต้องทำการลักพระศพล่วงหน้าไปก่อนในเวลากลางคืน โดยอัญเชิญหีบทรงพระศพเข้ายังรถตู้ยนต์พระที่นั่ง จากนั้นตั้งขบวนเคลื่อนไปยังท้องสนามหลวง พอถึงก็จะชักพระศพขึ้นไปยังพระเมรุเพื่อรอริ้วขบวนพระราชพิธี ที่จะแห่พระโกศเปล่าตามมาในภายหลังดังหมายกำหนดการ
ขอขอบคุณ…. SiamTownUS , Wassana Nanuam,welovemyking

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ที่มาของคำว่า เสียหมา

  มีเรื่องเล่าที่อยากมาแชร์ แต่ไม่การันตีว่าจริงแท้แค่ไหนนะเออ.... ที่มาของคำว่า .....เสียหมา.... ** "เสียหมา"** แล้ว "เสียหมา" ทำไม? จึงหมายถึง "เสียฟอร์ม - เสียท่า" "เสียหมา" เกิดขึ้นในช่วงสงครามเวียดนามเมื่อประมาณ 30 - 40 ปีก่อน ตอนนั้นยังมี เวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ สหรัฐอเมริกาหนุนเวียดนามใต้ สู้กับเวียดนามเหนือ หรือพวก "เวียดกง" "เวียดกง" เป็นเจ้าของกลยุทธ์ การสู้รบแบบ "กองโจร" "เอ็งมา ข้ามุด เอ็งหยุด ข้าแหย่ เอ็งแย่ ข้าตาม" ไม่สู้แบบปะทะตรงๆ เพราะสู้กับกองทัพสหรัฐอเมริกาไม่ได้ เขาจึงใช้กลยุทธ์ "กองโจร" ใช้วิธีซุ่มโจมตีแทน ที่เด็ดมาก และแสดงถึงความมานะอดทนของ "เวียดกง" ก็คือ การขุดอุโมงค์ใต้ดิน ต่อเชื่อมกันเป็นระยะทางไกลๆ โผล่ขึ้นมาถล่มทหารสหรัฐ แล้วก็มุดเข้าอุโมงค์หนีไป วันหนึ่ง กองทัพสหรัฐคิดวิธีใหม่ในการค้นหาอุโมงค์ของ "เวียดกง" ได้สำเร็จเขาใช้สุนัขทหารที่ดมกลิ่นเก่งมากๆ เป็นตัวนำทาง ทหารสหรัฐจะส่งสุนัขล่วงหน้าไป พอเจออุโมงค์ที่ไหน มันก็จะเห่าบอ

สด.8 คืออะไร

สด. 8           ใบ สด.8 คือ สมุดประจำตัวของทหารกองหนุนที่ผ่านการเป็นทหารกองประจำการแล้วรวมทั้งผู้ที่สำเร็จการศึกษาวิชาทหารชั้นปี 3(รด) เป็นหนังสือสำคัญ ที่ติดมาพร้อมกับ สมุดประจำตัวทหารกองหนุนประเภทที่ ๑ สด.8 จะอยู่ในสมุดประจำตัวทหารกองหนุน พร้อมหนังสือสำคัญ(แบบ สด.8) หน้ากลางเล่ม เวลาใช้งานให้ถ่ายเอกสารหน้ากลางตรงส่วนที่ระบุว่า สด.8 ทั้งสองส่วน ซึ่งจะได้รับ สด. 8 เมื่อ รับราชการทหารกองประจำการ (คือ เป็นทหารเกณฑ์ ) จนครบกำหนดปลด        เรียน รด. จบปี 3 (เพราะ จบ รด. ไม่ต้องไป เกณฑ์ทหาร และไม่ต้องเป็นทหารกองประจำการ )        เมื่อจบ รด.ปี 3 จะได้รับการขึ้นทะเบียนกองประจำการ และ นำปลด เป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1       ในวันเดียวกัน โดยไม่ต้องไปรับราชการในกองประจำการ ( ไม่ต้องเป็นทหารเกณฑ์นั่นเอง )        แต่ ยังคงเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 การนับอายุของทหาร        การนับอายุจะนับที่ปี พ.ศ. โดยเกิด 1 มกราคม ไปจนถึง เกิด 31 ธันวาคม ของปี ใดก็ตาม ถือว่า อายุ เท่ากัน ทั้งปี และ เริ่มนับ เมื่อวันที่ 1 มกราคม เป็น อายุ ครบ ปี บริบูรณ์       ทหารกองหนุนประเภทที่ 1 แบ่ง

…..จอมพลสอนทหาร ………..

             ๑. ผู้ใดเป็นผู้บังคับบัญชาและผู้ใหญ่ อย่าเป็นคนหูเบา แต่ก็มิใช่เป็นคนหูหนวกตาบอด ต้องฟังต้องดูอย่างกว้างที่สุด อยู่เสมอ แต่อย่าเชื่อคนสอพลอ หรือเชื่อคนพูดก่อนและฟ้องก่อน เพราะคนพูดภายหลังอาจพูดจริงกว่าคนที่พูดก่อนก็เป็นได้             ๒. เมื่อมีความขุ่นข้องกับผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือผู้น้อย เมื่อได้ว่ากล่าวลงโทษ หรือตักเตือนแล้ว จงอย่าจำเอาไว้ อาฆาตมาดร้ายภายหลังอีก             ๓. ให้พยายามหาความดีความงามมาสู่คณะ และปูนบำเหน็จกับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา และผู้น้อย สำหรับผู้ที่สมควรจะได้รับตามโอกาสที่จักพึงหาได้นั้นอยู่เสมอ             ๔. จงติโทษหรือลงโทษผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะที่ทำผิด โดยไม่เกรงใจหรือกลัวเขาเกลียด ให้เคร่งครัดอยู่เสมอ จะละเลยเสียมิได้เป็นอันขาด เพราะภายหลังจะกำเริบและแก้ไขยาก             ๕. จงอย่าใช้อำนาจราชการลงโทษกับผู้ซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะเมื่อตนบันดาลโทสะ และอย่ากล่าวคำหยาบ ให้กระทบกระเทือนถึงวงศ์ตระกูล เพราะผู้อื่นเขาก็มีจิตใจเป็นมนุษย์เหมือนเราเหมือนกัน             ๖. จงบำรุงการสมาคม และแสดงกิริยา วาจา ใจ ให้เป็นการโอภ