วันรี้มีบทความน่าอ่านมาฝากกันครับ
‘กับแกล้มกาแฟเช้า’ ☕️🍩
ทฤษฎีแมลงสาบ (Cockroach Theory)
------
A speech by Sundar Pichai, CEO Google - an IIT-MIT Alumnus and Global Head Google Chrome:
‘กับแกล้มกาแฟเช้า’ ☕️🍩
ทฤษฎีแมลงสาบ (Cockroach Theory)
------
A speech by Sundar Pichai, CEO Google - an IIT-MIT Alumnus and Global Head Google Chrome:
ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ขณะที่นั่งจิบกาแฟอย่างสงบ...อยู่ๆ ก็มีแมลงสาบจากไหนไม่รู้บินเข้ามาเกาะผู้หญิงโต๊ะข้างๆ แบบไม่ทันตั้งตัว
ผู้หญิงคนนี้กรีดร้อง กระโดดโลดเต้น โหวกเหวก โวยวาย สะบัดไม้สะบัดมือ หวังจะให้แมลงสาบบินออกไป
ในตอนนั้น ท่าทางที่เธอแสดงออกมา ทำให้เพื่อนๆ ที่นั่งด้วยกันรู้สึกตกใจและหัวเสียเป็นอย่างมาก
หลังจากเธอใช้ความพยายามสักครู่หนึ่ง แมลงสาบก็บินออกไป...แต่เดี๋ยวนะ!!! มันไม่ได้ไปไหนไกลเลย มันแค่เปลี่ยนเป้าหมายไปเกาะผู้หญิงข้างๆ แทน
ทันทีที่แมลงสาบเริ่มเกาะอีกคนปุ๊บ เหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนเดิมเป๊ะ
ผู้หญิงคนใหม่ร้องโหวกเหวกโวยวาย กระโดดโลดเต้น พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อสลัดแมลงสาบให้หลุดออกไปเหมือนคนก่อน
เด็กเสิร์ฟเห็นเข้าก็ตกใจ รีบวิ่งตรงดิ่งมาที่โต๊ะลูกค้าทันที
เหมือนแมลงสาบจะรู้ว่าเหยื่อรายใหม่กำลังมาแล้ว มันเลยบินออกจากตัวผู้หญิงคนที่สอง แล้วมาเกาะที่เด็กเสิร์ฟคนนั้นแทน
เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น...
แทนที่เด็กเสิร์ฟจะสะบัดแมลงสาบตัวนั้นทิ้งในทันที เขากลับยืนมองนิ่งๆ เฉกเช่นเพื่อนที่คุ้นเคยกัน สังเกตพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของแมลงสาบบนเสื้อเขา
เมื่อเด็กเสิร์ฟมั่นใจในทิศทางการเคลื่อนที่ของแมลงสาบแล้ว เด็กเสิร์ฟจึงค่อยเอามือคว้าแมลงสาบอย่างรวดเร็วพร้อมกับนำออกไปโยนทิ้งนอกร้านในทันที
.
สิ่งที่ CEO Google คนนี้ตั้งคำถามคือ...แมลงสาบ คือต้นเหตุของความโกลาหลครั้งนี้รึป่าว?
ถ้าใช่...แล้วทำไมเด็กเสิร์ฟคนนี้ถึงยืนนึ่งๆ พร้อมกับรับมือกับเจ้าแมลงสาบตัวนี้ได้อย่างสบายๆ ในขณะที่หญิงสาวสองคนนั้นถึงกระโดดโลดเต้น วิ่งไปมาเพื่อให้แมลงสาบบินออกไป
จริงๆ แล้วปัญหามันอาจไม่ได้อยู่ที่ "แมลงสาบ" แต่มันอยู่ที่ความสามารถในการรับมือกับปัญหาที่เข้ามารบกวนมากกว่า
.
Sundar Pichai เลยเริ่มตระหนักว่า....ที่ผ่านมา...สิ่งต่างๆ ที่ทำให้ตัวเค้าหัวเสีย ไม่ว่าจะเสียงบ่นจากเจ้านาย พ่อแม่ ลูกค้า หรือคนใกล้ตัว หรือความเครียดต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเขา จริงๆ แล้วมันอาจจะไม่ใช่ปัญหาเลยก็เป็นได้
อารมณ์ หรือความรู้สึกต่างๆ เหล่านั้นเกิดจากเราเอง เรานี้แหละที่ไม่สามารถรับมือกับสิ่งต่างๆ เหล่านั้นได้ เพราะจริงๆ แล้วเราคือคนที่เลือกเองว่าจะรู้สึกอย่างไรกับสิ่งรบกวนเหล่านั้น
มันไม่ใช่เพราะรถติด แล้วทำให้เราหัวเสีย แต่มันคือปฏิกิริยาของเราที่ใช้ในการรับมือกับปัญหาต่างหาก บางทีถ้าไม่มีสติ เราอาจหงุดหงิด อารมณ์ร้อนมากยิ่งขึ้น พอรถยิ่งติด เรายิ่งรีบ สุดท้ายก็บานปลายนำไปสู่อุบัติเหตุรถชน
หรือในกรณีของแมลงสาบ ยิ่งพยายามปัดออกจากเสื้อ สุดท้าย มันอาจบินมาเกาะหน้า หรือบินเข้าปาก ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าคุณพยายามวิ่งหนี
คุณอาจสะดุดล้มบาดเจ็บเป็นแผลใหญ่โตก็ได้
.
ดังนั้น จงจำไว้ว่า...ยิ่งวิธีการรับมือกับปัญหาที่ไม่ถูกต้อง ยิ่งทำให้ปัญหายุ่งเหยิงใหญ่โต
สิ่งสำคัญคือ ไม่ใช่แค่การ React หรือแค่ตอบสนองปัญหาด้วยสัญชาตญาณ
แต่มันต้องเป็นการ Respond หรือรับมือด้วยกระบวนการคิดที่ถูกต้อง ผ่านการใช้สมองไตร่ตรอง เพื่อควบคุมต้นตอของปัญหาไม่ให้มันบานปลายจนเกินแก้ไข
คนที่มีความสุข ไม่ใช่เพราะทุกๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตมีแต่เรื่องที่ถูกต้องตามแผนที่วางไว้หรอกนะ
แต่ที่เขามีความสุข เพราะสติและทัศนคติที่ดีที่มีต่อปัญหาต่างๆในชีวิต
มีสติ รับมือกับทุกปัญหาครับ....
ผู้หญิงคนนี้กรีดร้อง กระโดดโลดเต้น โหวกเหวก โวยวาย สะบัดไม้สะบัดมือ หวังจะให้แมลงสาบบินออกไป
ในตอนนั้น ท่าทางที่เธอแสดงออกมา ทำให้เพื่อนๆ ที่นั่งด้วยกันรู้สึกตกใจและหัวเสียเป็นอย่างมาก
หลังจากเธอใช้ความพยายามสักครู่หนึ่ง แมลงสาบก็บินออกไป...แต่เดี๋ยวนะ!!! มันไม่ได้ไปไหนไกลเลย มันแค่เปลี่ยนเป้าหมายไปเกาะผู้หญิงข้างๆ แทน
ทันทีที่แมลงสาบเริ่มเกาะอีกคนปุ๊บ เหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนเดิมเป๊ะ
ผู้หญิงคนใหม่ร้องโหวกเหวกโวยวาย กระโดดโลดเต้น พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อสลัดแมลงสาบให้หลุดออกไปเหมือนคนก่อน
เด็กเสิร์ฟเห็นเข้าก็ตกใจ รีบวิ่งตรงดิ่งมาที่โต๊ะลูกค้าทันที
เหมือนแมลงสาบจะรู้ว่าเหยื่อรายใหม่กำลังมาแล้ว มันเลยบินออกจากตัวผู้หญิงคนที่สอง แล้วมาเกาะที่เด็กเสิร์ฟคนนั้นแทน
เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น...
แทนที่เด็กเสิร์ฟจะสะบัดแมลงสาบตัวนั้นทิ้งในทันที เขากลับยืนมองนิ่งๆ เฉกเช่นเพื่อนที่คุ้นเคยกัน สังเกตพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของแมลงสาบบนเสื้อเขา
เมื่อเด็กเสิร์ฟมั่นใจในทิศทางการเคลื่อนที่ของแมลงสาบแล้ว เด็กเสิร์ฟจึงค่อยเอามือคว้าแมลงสาบอย่างรวดเร็วพร้อมกับนำออกไปโยนทิ้งนอกร้านในทันที
.
สิ่งที่ CEO Google คนนี้ตั้งคำถามคือ...แมลงสาบ คือต้นเหตุของความโกลาหลครั้งนี้รึป่าว?
ถ้าใช่...แล้วทำไมเด็กเสิร์ฟคนนี้ถึงยืนนึ่งๆ พร้อมกับรับมือกับเจ้าแมลงสาบตัวนี้ได้อย่างสบายๆ ในขณะที่หญิงสาวสองคนนั้นถึงกระโดดโลดเต้น วิ่งไปมาเพื่อให้แมลงสาบบินออกไป
จริงๆ แล้วปัญหามันอาจไม่ได้อยู่ที่ "แมลงสาบ" แต่มันอยู่ที่ความสามารถในการรับมือกับปัญหาที่เข้ามารบกวนมากกว่า
.
Sundar Pichai เลยเริ่มตระหนักว่า....ที่ผ่านมา...สิ่งต่างๆ ที่ทำให้ตัวเค้าหัวเสีย ไม่ว่าจะเสียงบ่นจากเจ้านาย พ่อแม่ ลูกค้า หรือคนใกล้ตัว หรือความเครียดต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเขา จริงๆ แล้วมันอาจจะไม่ใช่ปัญหาเลยก็เป็นได้
อารมณ์ หรือความรู้สึกต่างๆ เหล่านั้นเกิดจากเราเอง เรานี้แหละที่ไม่สามารถรับมือกับสิ่งต่างๆ เหล่านั้นได้ เพราะจริงๆ แล้วเราคือคนที่เลือกเองว่าจะรู้สึกอย่างไรกับสิ่งรบกวนเหล่านั้น
มันไม่ใช่เพราะรถติด แล้วทำให้เราหัวเสีย แต่มันคือปฏิกิริยาของเราที่ใช้ในการรับมือกับปัญหาต่างหาก บางทีถ้าไม่มีสติ เราอาจหงุดหงิด อารมณ์ร้อนมากยิ่งขึ้น พอรถยิ่งติด เรายิ่งรีบ สุดท้ายก็บานปลายนำไปสู่อุบัติเหตุรถชน
หรือในกรณีของแมลงสาบ ยิ่งพยายามปัดออกจากเสื้อ สุดท้าย มันอาจบินมาเกาะหน้า หรือบินเข้าปาก ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าคุณพยายามวิ่งหนี
คุณอาจสะดุดล้มบาดเจ็บเป็นแผลใหญ่โตก็ได้
.
ดังนั้น จงจำไว้ว่า...ยิ่งวิธีการรับมือกับปัญหาที่ไม่ถูกต้อง ยิ่งทำให้ปัญหายุ่งเหยิงใหญ่โต
สิ่งสำคัญคือ ไม่ใช่แค่การ React หรือแค่ตอบสนองปัญหาด้วยสัญชาตญาณ
แต่มันต้องเป็นการ Respond หรือรับมือด้วยกระบวนการคิดที่ถูกต้อง ผ่านการใช้สมองไตร่ตรอง เพื่อควบคุมต้นตอของปัญหาไม่ให้มันบานปลายจนเกินแก้ไข
คนที่มีความสุข ไม่ใช่เพราะทุกๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตมีแต่เรื่องที่ถูกต้องตามแผนที่วางไว้หรอกนะ
แต่ที่เขามีความสุข เพราะสติและทัศนคติที่ดีที่มีต่อปัญหาต่างๆในชีวิต
มีสติ รับมือกับทุกปัญหาครับ....
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น