ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ผู้ไม่เคยฝึก และผู้ผ่านการฝึก ย่อมสามารถต่างกัน

เมื่อ พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน หรือ หมอภาคย์ เจ้าของฉายา หมอแกร่งที่สุดในปฐพี ผู้ที่พิชิตทั้ง 6 หลักสูตรนักรบ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “ภาคย์ โลหารชุน”
ออกมานำเสนอในอีกมุมที่หลายคนอาจไม่ทันคิด...
ผู้ไม่เคยฝึก และผู้ผ่านการฝึก ย่อมสามารถต่างกัน
#สามัคคี
#มีสติ
จากกรณี ทางรายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง อมรินทร์ ทีวี ได้เปิดเผยบทสัมภาษณ์ นายแพทย์สิทธา ลิขิตนุกูล แพทย์สังคมสื่อสารเพื่อคุณธรรม ซึ่งได้กล่าวถึง การทำโทษด้วยท่าหัวปักพื้น มีผลทำให้เลือดที่มาเลี้ยงสมองมีแรงกดดันมากขึ้น อาจทำให้หลอดเลือดในสมองฉีกขาด ซึ่งผลข้างเคียงก็คือ ปวดหัว ตาแข็ง มัว เบลอ เห็นภาพซ้อน ชักเกร็งและอ่อนแรง และบริเวณกระดูกคอที่รับน้ำหนักมากผิดปกติจากแรงกด มีผลต่อเส้นประสาทคอที่เชื่อมกับกระบังลม ความดันในสมอง ทำให้เกิดภาวะการหายใจล้มเหลวได้
นายแพทย์สิทธา กล่าวด้วยว่า การทำท่าโค้งอยู่ในลักษณะนี้เป็นเวลานาน จะทำให้เลือดไหลเข้าไปเลี้ยงตับ ไต ม้าม หัวใจ ในปริมาณที่น้อย ซึ่งจะทำให้อวัยวะเสื่อมได้ และยิ่งมีการยกขาสลับขึ้น-ลง ยิ่งอันตรายใหญ่ นอกจากนี้ ถ้าหากตะแกรงที่ศีรษะปักลงไปนั้นไม่สะอาด ก็อาจทำให้มีการติดเชื้อได้อีก และยิ่งผู้กระทำมีน้ำหนักมากหรือมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับหัวใจก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นไปอีก
หลังจากที่ คำสัมภาษณ์ของคุณหมอถูกเผยแพร่ออกไป ก็ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก นั้น ทาง พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน หรือ หมอภาคย์ เจ้าของฉายา หมอแกร่งที่สุดในปฐพี ผู้ที่พิชิตทั้ง 6 หลักสูตรนักรบ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “ภาคย์ โลหารชุน” ระบุว่า “คนไทยด้วยกันสามัคคีกันไว้ ในมุมมองทางการแพทย์ ย่อมมีความเป็นห่วงเป็นธรรมดา เพราะท่า ‘หัวปัก’ อาจเป็นอันตรายกับคนที่มีโรคประจำตัว หรือ คนที่ไม่เคยฝึกอาจได้รับบาดเจ็บ กล้ามเนื้อหรือกระดูกต้นคอหากผิดพลาด
ในมุมมองของผู้ที่ได้รับการฝึกฝนมา ก็ถือว่าเป็นท่าปกติธรรมดา เพราะกล้ามเนื้อคอได้รับการฝึกฝนมาแล้ว ใครๆก็ทำได้ นานเป็นชั่วโมงก็ยังได้ แล้วในระยะยาวพวกรุ่นพี่ที่ผมรู้จักที่ผ่านหลักสูตรรบพิเศษไม่ว่า ทบ. ทร. ทอ. ตร. ที่ผ่านการฝึกท่า หัวปัก มาอย่างโชกโชน จนอายุมาก หรือ เกษียณไปแล้ว ก็ยังไม่เคยได้ยินว่ามีปัญหาสุขภาพจากท่านี้ แต่!ก็ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัย 100% ในระยะยาว เพราะหากแก่ตัวไปกระดูกเริ่มเปราะบางอาจงานเข้าก็ได้ หรือ เริ่มมีโรคประจำตัว เช่น ความดัน หลอดเลือดสมอง ยิ่งงานเข้าชิ้นโตเลย
ในโลกนี้มีอะไรที่เราไม่รู้อีกเยอะ และไม่มีอะไรแน่นอน ปัจจัยตัวบุคคลแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น!!! ความเห็นและมุมมองมันย่อมแตกต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา มันเกิดจากประสบการณ์ที่แต่ละบุคคลสะสมมา ไม่มีประโยชน์ที่จะไปหาว่าใครถูกใครผิด เพราะผลลัพธ์ที่เกิดกับแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน แต่ไม่ดีแน่หากความเห็นต่างนำมาซึ่งความเบียดเบียน หรือ เกลียดชังกัน สุดท้ายแตกแยกทะเลาะเบาะแว้ง เกิดความเดือดร้อนวุ่นวาย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ที่มาของคำว่า เสียหมา

  มีเรื่องเล่าที่อยากมาแชร์ แต่ไม่การันตีว่าจริงแท้แค่ไหนนะเออ.... ที่มาของคำว่า .....เสียหมา.... ** "เสียหมา"** แล้ว "เสียหมา" ทำไม? จึงหมายถึง "เสียฟอร์ม - เสียท่า" "เสียหมา" เกิดขึ้นในช่วงสงครามเวียดนามเมื่อประมาณ 30 - 40 ปีก่อน ตอนนั้นยังมี เวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ สหรัฐอเมริกาหนุนเวียดนามใต้ สู้กับเวียดนามเหนือ หรือพวก "เวียดกง" "เวียดกง" เป็นเจ้าของกลยุทธ์ การสู้รบแบบ "กองโจร" "เอ็งมา ข้ามุด เอ็งหยุด ข้าแหย่ เอ็งแย่ ข้าตาม" ไม่สู้แบบปะทะตรงๆ เพราะสู้กับกองทัพสหรัฐอเมริกาไม่ได้ เขาจึงใช้กลยุทธ์ "กองโจร" ใช้วิธีซุ่มโจมตีแทน ที่เด็ดมาก และแสดงถึงความมานะอดทนของ "เวียดกง" ก็คือ การขุดอุโมงค์ใต้ดิน ต่อเชื่อมกันเป็นระยะทางไกลๆ โผล่ขึ้นมาถล่มทหารสหรัฐ แล้วก็มุดเข้าอุโมงค์หนีไป วันหนึ่ง กองทัพสหรัฐคิดวิธีใหม่ในการค้นหาอุโมงค์ของ "เวียดกง" ได้สำเร็จเขาใช้สุนัขทหารที่ดมกลิ่นเก่งมากๆ เป็นตัวนำทาง ทหารสหรัฐจะส่งสุนัขล่วงหน้าไป พอเจออุโมงค์ที่ไหน มันก็จะเห่าบอ

สด.8 คืออะไร

สด. 8           ใบ สด.8 คือ สมุดประจำตัวของทหารกองหนุนที่ผ่านการเป็นทหารกองประจำการแล้วรวมทั้งผู้ที่สำเร็จการศึกษาวิชาทหารชั้นปี 3(รด) เป็นหนังสือสำคัญ ที่ติดมาพร้อมกับ สมุดประจำตัวทหารกองหนุนประเภทที่ ๑ สด.8 จะอยู่ในสมุดประจำตัวทหารกองหนุน พร้อมหนังสือสำคัญ(แบบ สด.8) หน้ากลางเล่ม เวลาใช้งานให้ถ่ายเอกสารหน้ากลางตรงส่วนที่ระบุว่า สด.8 ทั้งสองส่วน ซึ่งจะได้รับ สด. 8 เมื่อ รับราชการทหารกองประจำการ (คือ เป็นทหารเกณฑ์ ) จนครบกำหนดปลด        เรียน รด. จบปี 3 (เพราะ จบ รด. ไม่ต้องไป เกณฑ์ทหาร และไม่ต้องเป็นทหารกองประจำการ )        เมื่อจบ รด.ปี 3 จะได้รับการขึ้นทะเบียนกองประจำการ และ นำปลด เป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1       ในวันเดียวกัน โดยไม่ต้องไปรับราชการในกองประจำการ ( ไม่ต้องเป็นทหารเกณฑ์นั่นเอง )        แต่ ยังคงเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 การนับอายุของทหาร        การนับอายุจะนับที่ปี พ.ศ. โดยเกิด 1 มกราคม ไปจนถึง เกิด 31 ธันวาคม ของปี ใดก็ตาม ถือว่า อายุ เท่ากัน ทั้งปี และ เริ่มนับ เมื่อวันที่ 1 มกราคม เป็น อายุ ครบ ปี บริบูรณ์       ทหารกองหนุนประเภทที่ 1 แบ่ง

…..จอมพลสอนทหาร ………..

             ๑. ผู้ใดเป็นผู้บังคับบัญชาและผู้ใหญ่ อย่าเป็นคนหูเบา แต่ก็มิใช่เป็นคนหูหนวกตาบอด ต้องฟังต้องดูอย่างกว้างที่สุด อยู่เสมอ แต่อย่าเชื่อคนสอพลอ หรือเชื่อคนพูดก่อนและฟ้องก่อน เพราะคนพูดภายหลังอาจพูดจริงกว่าคนที่พูดก่อนก็เป็นได้             ๒. เมื่อมีความขุ่นข้องกับผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือผู้น้อย เมื่อได้ว่ากล่าวลงโทษ หรือตักเตือนแล้ว จงอย่าจำเอาไว้ อาฆาตมาดร้ายภายหลังอีก             ๓. ให้พยายามหาความดีความงามมาสู่คณะ และปูนบำเหน็จกับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา และผู้น้อย สำหรับผู้ที่สมควรจะได้รับตามโอกาสที่จักพึงหาได้นั้นอยู่เสมอ             ๔. จงติโทษหรือลงโทษผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะที่ทำผิด โดยไม่เกรงใจหรือกลัวเขาเกลียด ให้เคร่งครัดอยู่เสมอ จะละเลยเสียมิได้เป็นอันขาด เพราะภายหลังจะกำเริบและแก้ไขยาก             ๕. จงอย่าใช้อำนาจราชการลงโทษกับผู้ซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะเมื่อตนบันดาลโทสะ และอย่ากล่าวคำหยาบ ให้กระทบกระเทือนถึงวงศ์ตระกูล เพราะผู้อื่นเขาก็มีจิตใจเป็นมนุษย์เหมือนเราเหมือนกัน             ๖. จงบำรุงการสมาคม และแสดงกิริยา วาจา ใจ ให้เป็นการโอภ