ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ขอรับบริจาค "ยา" ที่ไม่ได้ใช้แล้ว

ขอรับบริจาค "ยา" ที่ไม่ได้ใช้แล้ว
ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่มาช่วยกันทำดีถวายพ่อกันอีกสักอย่างดีไหม
คุณหมอวรวิทย์เลือกที่จะเดินตามรอยพระบาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 คือเสียสละความสุขสบายส่วนตัวเพื่อบำบัดทุกข์ให้คนหมู่มาก
ที่รพ.อุ้มผางแห่งนี้ สิ่งที่ไม่เคยขาดคือคนไข้และความขาดแคลนยาที่จะใช้รักษา แต่คุณหมอวรวิทย์กลับมิได้ร้องขอรับบริจาคเงินเพื่อนำมาซื้อยาใหม่ คุณหมอหวังเพียงการเสียสละยาเก่าที่คนในกรุงเทพได้รับมาแล้วทานไม่หมดทิ้งค้างอยู่ในกล่องยา ที่มีอยู่แทบทุกบ้านคือมียาอะไรที่ยังไม่ได้ทานและจะไม่ทานแล้วไม่ว่าด้วยเหตุใดคุณหมอขอรับบริจาคยาที่ไม่ได้ใช้แล้วนี้ โดยทางรพ.อุ้มผางมีทีมงานเภสัชกรและจนท.ทำการคัดแยกยาที่หมดอายุแล้วก็จะนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี ส่วนยาที่ยังใช้ได้ก็จะนำมาใช้รักษาคนไข้นอกงบประมาณเหล่านี้ โดยทางรพ.ยึดหลักว่าเฉพาะยาที่คุณหมอพร้อมที่จ่ายให้ตัวเองทานได้จึงจะจ่ายให้คนไข้อื่นทาน
ผมพิจารณาเห็นว่าสิ่งที่คุณหมอวรวิทย์ร้องขอนี้เป็นความจริงที่สุด ที่ทุกบ้านทุกคนล้วนมียาเก่าที่ได้รับมาแล้วทานไม่หมด ซึ่งหากนำมารวมกันแล้วจะมีมูลค่ามหาศาล (มีผู้ทำวิจัยพบว่ายาที่คนไข้ทานไม่หมดรอทิ้งนี้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่าปีละ5,000ล้านบาท) จึงควรนำยาเหลือใช้นี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ดีกว่ารอทิ้งเป็นของเสีย เป็นการกระทำที่ได้ "ประโยชน์สูงประหยัดสุด" เป็นการช่วยเพื่อนมนุษย์ในยามเจ็บป่วยจึงได้อานิสงส์มาก
ขอให้ทุกท่านที่ได้รับบันทึกนี้และเห็นด้วยกับการร้องขอของคุณหมอวรวิทย์ ได้โปรดสละเวลาเพียงเล็กน้อยรวบรวมยาแผนปัจจุบันชนิดเม็ดและยาทาภายนอก(งดยาชนิดน้ำ)ที่ไม่ใช้แล้ว จะมีมากน้อยเท่าใดก็ตาม แม้จะมีเหลือยาเพียง1แผงก็ขอได้โปรดช่วยเป็นธุระส่งไปให้รพ.อุ้มผางเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ต้องการใช้ยาเหล่านี้ในการรักษาอาการเจ็บป่วยได้มีโอกาสหายจากโรคเพราะยาของท่าน หรืออย่างน้อยก็ขอให้ทุกท่านได้โปรดช่วยกันส่งต่อบันทึกนี้ไปยังเพื่อนของท่านให้มากและกว้างขวางที่สุดเพื่อเปิดโอกาสให้ยาทุกเม็ดที่รอทิ้งได้ถูกนำไปใช้รักษาคนป่วยที่ไม่มีโอกาสและไม่มีสิทธิ์เข้าถึงสวัสดิการของรัฐ ขอให้พวกเราตระหนักชัดว่า "ยาในกล่องที่รอทิ้งอาจช่วยชีวิตคนได้เพียงแค่เราหยิบยื่นให้เขา"
ขอให้ทุกท่านจัดส่งยาเหลือใช้นี้ทางไปรษณีย์ธรรมดา (โดยไม่จำเป็นต้องส่งEMSให้เปลืองเงิน)ไปตามที่อยู่นี้
นพ.วรวิทย์ ตันติวัฒนทรัพย์
ผอ.โรงพยาบาลอุ้มผาง
อำเภออุ้มผาง
จังหวัดตาก 63170
โทร 055-561-270 ถึง 2
ขออนุโมทนาและขอบคุณครับ
(ได้รับข้อความจากเพื่อนเมื่อ 8/11/2560)

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ที่มาของคำว่า เสียหมา

  มีเรื่องเล่าที่อยากมาแชร์ แต่ไม่การันตีว่าจริงแท้แค่ไหนนะเออ.... ที่มาของคำว่า .....เสียหมา.... ** "เสียหมา"** แล้ว "เสียหมา" ทำไม? จึงหมายถึง "เสียฟอร์ม - เสียท่า" "เสียหมา" เกิดขึ้นในช่วงสงครามเวียดนามเมื่อประมาณ 30 - 40 ปีก่อน ตอนนั้นยังมี เวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ สหรัฐอเมริกาหนุนเวียดนามใต้ สู้กับเวียดนามเหนือ หรือพวก "เวียดกง" "เวียดกง" เป็นเจ้าของกลยุทธ์ การสู้รบแบบ "กองโจร" "เอ็งมา ข้ามุด เอ็งหยุด ข้าแหย่ เอ็งแย่ ข้าตาม" ไม่สู้แบบปะทะตรงๆ เพราะสู้กับกองทัพสหรัฐอเมริกาไม่ได้ เขาจึงใช้กลยุทธ์ "กองโจร" ใช้วิธีซุ่มโจมตีแทน ที่เด็ดมาก และแสดงถึงความมานะอดทนของ "เวียดกง" ก็คือ การขุดอุโมงค์ใต้ดิน ต่อเชื่อมกันเป็นระยะทางไกลๆ โผล่ขึ้นมาถล่มทหารสหรัฐ แล้วก็มุดเข้าอุโมงค์หนีไป วันหนึ่ง กองทัพสหรัฐคิดวิธีใหม่ในการค้นหาอุโมงค์ของ "เวียดกง" ได้สำเร็จเขาใช้สุนัขทหารที่ดมกลิ่นเก่งมากๆ เป็นตัวนำทาง ทหารสหรัฐจะส่งสุนัขล่วงหน้าไป พอเจออุโมงค์ที่ไหน มันก็จะเห่าบอ

สด.8 คืออะไร

สด. 8           ใบ สด.8 คือ สมุดประจำตัวของทหารกองหนุนที่ผ่านการเป็นทหารกองประจำการแล้วรวมทั้งผู้ที่สำเร็จการศึกษาวิชาทหารชั้นปี 3(รด) เป็นหนังสือสำคัญ ที่ติดมาพร้อมกับ สมุดประจำตัวทหารกองหนุนประเภทที่ ๑ สด.8 จะอยู่ในสมุดประจำตัวทหารกองหนุน พร้อมหนังสือสำคัญ(แบบ สด.8) หน้ากลางเล่ม เวลาใช้งานให้ถ่ายเอกสารหน้ากลางตรงส่วนที่ระบุว่า สด.8 ทั้งสองส่วน ซึ่งจะได้รับ สด. 8 เมื่อ รับราชการทหารกองประจำการ (คือ เป็นทหารเกณฑ์ ) จนครบกำหนดปลด        เรียน รด. จบปี 3 (เพราะ จบ รด. ไม่ต้องไป เกณฑ์ทหาร และไม่ต้องเป็นทหารกองประจำการ )        เมื่อจบ รด.ปี 3 จะได้รับการขึ้นทะเบียนกองประจำการ และ นำปลด เป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1       ในวันเดียวกัน โดยไม่ต้องไปรับราชการในกองประจำการ ( ไม่ต้องเป็นทหารเกณฑ์นั่นเอง )        แต่ ยังคงเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 การนับอายุของทหาร        การนับอายุจะนับที่ปี พ.ศ. โดยเกิด 1 มกราคม ไปจนถึง เกิด 31 ธันวาคม ของปี ใดก็ตาม ถือว่า อายุ เท่ากัน ทั้งปี และ เริ่มนับ เมื่อวันที่ 1 มกราคม เป็น อายุ ครบ ปี บริบูรณ์       ทหารกองหนุนประเภทที่ 1 แบ่ง

…..จอมพลสอนทหาร ………..

             ๑. ผู้ใดเป็นผู้บังคับบัญชาและผู้ใหญ่ อย่าเป็นคนหูเบา แต่ก็มิใช่เป็นคนหูหนวกตาบอด ต้องฟังต้องดูอย่างกว้างที่สุด อยู่เสมอ แต่อย่าเชื่อคนสอพลอ หรือเชื่อคนพูดก่อนและฟ้องก่อน เพราะคนพูดภายหลังอาจพูดจริงกว่าคนที่พูดก่อนก็เป็นได้             ๒. เมื่อมีความขุ่นข้องกับผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือผู้น้อย เมื่อได้ว่ากล่าวลงโทษ หรือตักเตือนแล้ว จงอย่าจำเอาไว้ อาฆาตมาดร้ายภายหลังอีก             ๓. ให้พยายามหาความดีความงามมาสู่คณะ และปูนบำเหน็จกับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา และผู้น้อย สำหรับผู้ที่สมควรจะได้รับตามโอกาสที่จักพึงหาได้นั้นอยู่เสมอ             ๔. จงติโทษหรือลงโทษผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะที่ทำผิด โดยไม่เกรงใจหรือกลัวเขาเกลียด ให้เคร่งครัดอยู่เสมอ จะละเลยเสียมิได้เป็นอันขาด เพราะภายหลังจะกำเริบและแก้ไขยาก             ๕. จงอย่าใช้อำนาจราชการลงโทษกับผู้ซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะเมื่อตนบันดาลโทสะ และอย่ากล่าวคำหยาบ ให้กระทบกระเทือนถึงวงศ์ตระกูล เพราะผู้อื่นเขาก็มีจิตใจเป็นมนุษย์เหมือนเราเหมือนกัน             ๖. จงบำรุงการสมาคม และแสดงกิริยา วาจา ใจ ให้เป็นการโอภ