ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

พิธีเปิดการฝึกร่วมระหว่างคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทหารกับคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและ การบรรเทาภัยพิบัติ

 เมื่อวันที่ ๕ ก.ย.๒๕๕๙ เวลา ๑๐.๓๐ นาฬิกา พลเอก ประวิตร  วงษ์สุวรรณ 
รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกร่วมระหว่างคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทหารกับคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและ
การบรรเทาภัยพิบัติ (ADMM-Plus Military Medicine-Humanitarian Assistance and Disaster Relief Joint Exercise 2016 : AM-HEx 2016)




โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม 
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของประเทศไทยเอกอัครราชทูต ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารจากประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา รวมทั้งผู้แทนจากองค์การระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมพิธีเปิดการฝึกฯ 
ณ ค่ายนวมินทราชินี จังหวัดชลบุรี
 กระทรวงกลาโหมไทย กระทรวงกลาโหมสหพันธรัฐรัสเซีย กระทรวงป้องกันประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น ได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกร่วมฯ 
ครั้งนี้ ระหว่างวันที่ ๑ - ๑๑ ก.ย.๒๕๕๙ โดยถือเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของความร่วมมือทางทหารภายใต้กลไกการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา หรือ ADMM-Plus ที่มีการพัฒนากันมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระทรวงกลาโหมมีความภาคภูมิใจที่มีส่วนในการขับเคลื่อนกลไกดังกล่าวอันนำมาซึ่งสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงในภูมิภาคนี้
 การฝึกร่วมฯ ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการแบ่งปันประสบการณ์ ข้อมูล ทักษะความรู้ระหว่างเจ้าหน้าที่แพทย์ทหารของประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ตลอดจนพัฒนาศักยภาพของหน่วยทหารในภูมิภาคในการปฏิบัติการร่วมด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ 
 กิจกรรมการฝึกที่สำคัญ ประกอบด้วย การฝึกประกอบกำลัง (Force Integration Training : FIT) เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ เทคนิคการใช้เครื่องมือ และการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างชุดปฏิบัติการของแต่ละประเทศ การฝึกปัญหาที่บังคับการ (Command Post Exercise : CPX) เพื่อทดสอบกลไกการทำงานของ
ศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน และศูนย์ประสานงานนานาชาติ การฝึกภาคสนาม (Field Training Exercise : FTX) เป็นการฝึกปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในสถานการณ์ต่างๆ และโครงการเพื่อสาธารณประโยชน์ (Humanitarian Civic Action : HCA) เพื่อพัฒนาสัมพันธ์กับประชาชนในพื้นที่
พื้นที่การฝึกได้กำหนดขึ้น ณ จังหวัดชลบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง ได้แก่ พื้นที่มณฑลทหารบกที่ ๑๔ ประกอบด้วย สถานีสารเคมีรั่วไหล สถานีอาคารถล่ม สถานีพื้นที่ถูกตัดขาด และสถานีตั้งค่ายผู้ประสบภัย 
พื้นที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ประกอบด้วย สถานีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยอากาศยาน และพื้นที่เกาะสีชัง ประกอบด้วย สถานีการค้นหาและกู้ภัยทางทะเล สำหรับการฝึกปัญหาที่บังคับการของศูนย์แพทย์ทหารอาเซียนจะใช้พื้นที่จริง ณ กรมแพทย์ทหารบก กรุงเทพฯ
กำลังพล และยุทโธปกรณ์ที่เข้าร่วมการฝึก ประกอบด้วย กำลังทหารจากประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ประมาณ ๒,๐๐๐ นาย โดยมียุทโธปกรณ์ที่เข้าร่วมการฝึก เช่น อากาศยาน C-130, 
Sea Hawk, Mi-17 และเรือหลวงอ่างทองจากประเทศไทย เรือ LST จากสาธารณรัฐประชาชนจีน อากาศยาน Ka-27 และเรือพยาบาล จากสหพันธรัฐรัสเซีย อากาศยาน CH-47 และเรือ LST จากญี่ปุ่น อากาศยาน 
Super Puma จากสาธารณรัฐสิงคโปร์ และอากาศยาน C-295 จากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย 
สำหรับประโยชน์ที่จะได้รับจากการฝึกร่วมฯ ในครั้งนี้ กระทรวงกลาโหม กองทัพไทย และ
๓ เหล่าทัพ จะได้ทดสอบการปฏิบัติงานของศูนย์แพทย์ทหารอาเซียนในด้านการฝึกปฏิบัติการร่วมกันของหน่วยงานด้านการแพทย์ทหารและด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ 
พัฒนาขีดความสามารถของหน่วยงานและบุคลากรต่างๆ เพื่อรองรับสถานการณ์ภัยพิบัติ และเหตุการณ์ฉุกเฉินที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย และในภูมิภาค ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสร้างเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของประเทศไทย ในระดับภูมิภาคและในระดับสากลต่อไป
ทั้งนี้สามารถติดตามข้อมูลการฝึกฯ ได้ทาง 
https://www.facebook.com/AM-HEx-308415916174657/?ref=ts&fref=ts  

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ที่มาของคำว่า เสียหมา

  มีเรื่องเล่าที่อยากมาแชร์ แต่ไม่การันตีว่าจริงแท้แค่ไหนนะเออ.... ที่มาของคำว่า .....เสียหมา.... ** "เสียหมา"** แล้ว "เสียหมา" ทำไม? จึงหมายถึง "เสียฟอร์ม - เสียท่า" "เสียหมา" เกิดขึ้นในช่วงสงครามเวียดนามเมื่อประมาณ 30 - 40 ปีก่อน ตอนนั้นยังมี เวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ สหรัฐอเมริกาหนุนเวียดนามใต้ สู้กับเวียดนามเหนือ หรือพวก "เวียดกง" "เวียดกง" เป็นเจ้าของกลยุทธ์ การสู้รบแบบ "กองโจร" "เอ็งมา ข้ามุด เอ็งหยุด ข้าแหย่ เอ็งแย่ ข้าตาม" ไม่สู้แบบปะทะตรงๆ เพราะสู้กับกองทัพสหรัฐอเมริกาไม่ได้ เขาจึงใช้กลยุทธ์ "กองโจร" ใช้วิธีซุ่มโจมตีแทน ที่เด็ดมาก และแสดงถึงความมานะอดทนของ "เวียดกง" ก็คือ การขุดอุโมงค์ใต้ดิน ต่อเชื่อมกันเป็นระยะทางไกลๆ โผล่ขึ้นมาถล่มทหารสหรัฐ แล้วก็มุดเข้าอุโมงค์หนีไป วันหนึ่ง กองทัพสหรัฐคิดวิธีใหม่ในการค้นหาอุโมงค์ของ "เวียดกง" ได้สำเร็จเขาใช้สุนัขทหารที่ดมกลิ่นเก่งมากๆ เป็นตัวนำทาง ทหารสหรัฐจะส่งสุนัขล่วงหน้าไป พอเจออุโมงค์ที่ไหน มันก็จะเห่าบอ

สด.8 คืออะไร

สด. 8           ใบ สด.8 คือ สมุดประจำตัวของทหารกองหนุนที่ผ่านการเป็นทหารกองประจำการแล้วรวมทั้งผู้ที่สำเร็จการศึกษาวิชาทหารชั้นปี 3(รด) เป็นหนังสือสำคัญ ที่ติดมาพร้อมกับ สมุดประจำตัวทหารกองหนุนประเภทที่ ๑ สด.8 จะอยู่ในสมุดประจำตัวทหารกองหนุน พร้อมหนังสือสำคัญ(แบบ สด.8) หน้ากลางเล่ม เวลาใช้งานให้ถ่ายเอกสารหน้ากลางตรงส่วนที่ระบุว่า สด.8 ทั้งสองส่วน ซึ่งจะได้รับ สด. 8 เมื่อ รับราชการทหารกองประจำการ (คือ เป็นทหารเกณฑ์ ) จนครบกำหนดปลด        เรียน รด. จบปี 3 (เพราะ จบ รด. ไม่ต้องไป เกณฑ์ทหาร และไม่ต้องเป็นทหารกองประจำการ )        เมื่อจบ รด.ปี 3 จะได้รับการขึ้นทะเบียนกองประจำการ และ นำปลด เป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1       ในวันเดียวกัน โดยไม่ต้องไปรับราชการในกองประจำการ ( ไม่ต้องเป็นทหารเกณฑ์นั่นเอง )        แต่ ยังคงเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 การนับอายุของทหาร        การนับอายุจะนับที่ปี พ.ศ. โดยเกิด 1 มกราคม ไปจนถึง เกิด 31 ธันวาคม ของปี ใดก็ตาม ถือว่า อายุ เท่ากัน ทั้งปี และ เริ่มนับ เมื่อวันที่ 1 มกราคม เป็น อายุ ครบ ปี บริบูรณ์       ทหารกองหนุนประเภทที่ 1 แบ่ง

…..จอมพลสอนทหาร ………..

             ๑. ผู้ใดเป็นผู้บังคับบัญชาและผู้ใหญ่ อย่าเป็นคนหูเบา แต่ก็มิใช่เป็นคนหูหนวกตาบอด ต้องฟังต้องดูอย่างกว้างที่สุด อยู่เสมอ แต่อย่าเชื่อคนสอพลอ หรือเชื่อคนพูดก่อนและฟ้องก่อน เพราะคนพูดภายหลังอาจพูดจริงกว่าคนที่พูดก่อนก็เป็นได้             ๒. เมื่อมีความขุ่นข้องกับผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือผู้น้อย เมื่อได้ว่ากล่าวลงโทษ หรือตักเตือนแล้ว จงอย่าจำเอาไว้ อาฆาตมาดร้ายภายหลังอีก             ๓. ให้พยายามหาความดีความงามมาสู่คณะ และปูนบำเหน็จกับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา และผู้น้อย สำหรับผู้ที่สมควรจะได้รับตามโอกาสที่จักพึงหาได้นั้นอยู่เสมอ             ๔. จงติโทษหรือลงโทษผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะที่ทำผิด โดยไม่เกรงใจหรือกลัวเขาเกลียด ให้เคร่งครัดอยู่เสมอ จะละเลยเสียมิได้เป็นอันขาด เพราะภายหลังจะกำเริบและแก้ไขยาก             ๕. จงอย่าใช้อำนาจราชการลงโทษกับผู้ซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะเมื่อตนบันดาลโทสะ และอย่ากล่าวคำหยาบ ให้กระทบกระเทือนถึงวงศ์ตระกูล เพราะผู้อื่นเขาก็มีจิตใจเป็นมนุษย์เหมือนเราเหมือนกัน             ๖. จงบำรุงการสมาคม และแสดงกิริยา วาจา ใจ ให้เป็นการโอภ