ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ภารกิจการฝึกลำเลียงทางอากาศสายแพทย์



 วันที่ 6 กันยายน 2559 เวลา 09.30 นาฬิกา พลเรือตรี ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร/หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์การฝึก นำคณะสื่อมวลชนทำข่าวภารกิจการฝึกลำเลียงทางอากาศสายแพทย์เพื่อการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ ณ ฝูงบิน 106 สนามบินอู่ตะเภา จังหวัดระยอง
โดยมีแพทย์และพยาบาลจาก สถาบันเวชศาสตร์การบินกองทัพอากาศ ร่วมกับมิตรประเทศที่เข้าร่วมการฝึกฯ ทำการฝึกรักษาพยาบาลและเตรียมผู้ป่วยให้พร้อมสำหรับการลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศ สำหรับอากาศยานที่เข้าร่วมการฝึกฯประกอบด้วย MI-171 จากสาธารณรัฐประชาชนจีน CH-47 จากประเทศญี่ปุ่น และเครื่องบิน C-130 จากกองทัพอากาศไทยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกร่วมระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทหารกับผู้เชี่ยวชาญด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ (AM-HEx 2016)
ภารกิจการลำเลียงทางอากาศสายแพทย์เพื่อการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ โดยสถาบันเวชศาสตร์การบินกองทัพอากาศ ร่วมกับมิตรประเทศที่เข้าร่วมการฝึก ทำการฝึกตามขั้นตอนของระบบลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศ (Aeromedical Evacuation System) ซึ่งประกอบด้วย ศูนย์ควบคุมและสั่งการการลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศสายแพทย์ หน่วยเตรียมผู้ป่วยเพื่อการลำเลียงทางอากาศเคลื่อนที่ ชุดนายทหารติดต่อประสานด้านการลำเลียง และชุดลำเลียงทางอากาศสายแพทย์ โดยได้จัดตั้งหน่วยเตรียมผู้ป่วยเพื่อการลำเลียงทางอากาศเคลื่อนที่ (MASF unit : Mobile Aeromedical Staging Facilities unit)

ณ ฝูงบิน ๑๐๖ สนามบินอู่ตะเภา จังหวัดระยอง ประกอบด้วยบุคลากรหลายฝ่าย เต็นท์สนาม พร้อมทั้งอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ ไปประจำอยู่ที่สนามบินต้นทางในเขตหน้า หรือพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติ เพื่อทำการเตรียมผู้ป่วยที่มีจำนวนมาก ให้พร้อมที่จะทำการลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศ โดยสามารถเข้าถึงพื้นที่ปฏิบัติการติดตั้งเต็นท์ให้สามารถปฏิบัติภารกิจภายในไม่เกิน ๒ ชั่วโมง สามารถรับผู้ป่วยนอนเปลได้ครั้งละ ๘ เปลต่อ ๑ MASF unit ให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยระหว่างพักรอการลำเลียงทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ๒-๔ ชั่วโมง ก่อนทำการลำเลียงทางอากาศเพื่อไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลปลายทาง นอกจากนี้ยังจัดให้มีปฏิบัติการด้านการเยียวยาทางจิตใจ (Psychological First Aid) สำหรับผู้ประสบภัยพิบัติด้วย สำหรับระบบในการลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ที่มาของคำว่า เสียหมา

  มีเรื่องเล่าที่อยากมาแชร์ แต่ไม่การันตีว่าจริงแท้แค่ไหนนะเออ.... ที่มาของคำว่า .....เสียหมา.... ** "เสียหมา"** แล้ว "เสียหมา" ทำไม? จึงหมายถึง "เสียฟอร์ม - เสียท่า" "เสียหมา" เกิดขึ้นในช่วงสงครามเวียดนามเมื่อประมาณ 30 - 40 ปีก่อน ตอนนั้นยังมี เวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ สหรัฐอเมริกาหนุนเวียดนามใต้ สู้กับเวียดนามเหนือ หรือพวก "เวียดกง" "เวียดกง" เป็นเจ้าของกลยุทธ์ การสู้รบแบบ "กองโจร" "เอ็งมา ข้ามุด เอ็งหยุด ข้าแหย่ เอ็งแย่ ข้าตาม" ไม่สู้แบบปะทะตรงๆ เพราะสู้กับกองทัพสหรัฐอเมริกาไม่ได้ เขาจึงใช้กลยุทธ์ "กองโจร" ใช้วิธีซุ่มโจมตีแทน ที่เด็ดมาก และแสดงถึงความมานะอดทนของ "เวียดกง" ก็คือ การขุดอุโมงค์ใต้ดิน ต่อเชื่อมกันเป็นระยะทางไกลๆ โผล่ขึ้นมาถล่มทหารสหรัฐ แล้วก็มุดเข้าอุโมงค์หนีไป วันหนึ่ง กองทัพสหรัฐคิดวิธีใหม่ในการค้นหาอุโมงค์ของ "เวียดกง" ได้สำเร็จเขาใช้สุนัขทหารที่ดมกลิ่นเก่งมากๆ เป็นตัวนำทาง ทหารสหรัฐจะส่งสุนัขล่วงหน้าไป พอเจออุโมงค์ที่ไหน มันก็จะเห่าบอ

สด.8 คืออะไร

สด. 8           ใบ สด.8 คือ สมุดประจำตัวของทหารกองหนุนที่ผ่านการเป็นทหารกองประจำการแล้วรวมทั้งผู้ที่สำเร็จการศึกษาวิชาทหารชั้นปี 3(รด) เป็นหนังสือสำคัญ ที่ติดมาพร้อมกับ สมุดประจำตัวทหารกองหนุนประเภทที่ ๑ สด.8 จะอยู่ในสมุดประจำตัวทหารกองหนุน พร้อมหนังสือสำคัญ(แบบ สด.8) หน้ากลางเล่ม เวลาใช้งานให้ถ่ายเอกสารหน้ากลางตรงส่วนที่ระบุว่า สด.8 ทั้งสองส่วน ซึ่งจะได้รับ สด. 8 เมื่อ รับราชการทหารกองประจำการ (คือ เป็นทหารเกณฑ์ ) จนครบกำหนดปลด        เรียน รด. จบปี 3 (เพราะ จบ รด. ไม่ต้องไป เกณฑ์ทหาร และไม่ต้องเป็นทหารกองประจำการ )        เมื่อจบ รด.ปี 3 จะได้รับการขึ้นทะเบียนกองประจำการ และ นำปลด เป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1       ในวันเดียวกัน โดยไม่ต้องไปรับราชการในกองประจำการ ( ไม่ต้องเป็นทหารเกณฑ์นั่นเอง )        แต่ ยังคงเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 การนับอายุของทหาร        การนับอายุจะนับที่ปี พ.ศ. โดยเกิด 1 มกราคม ไปจนถึง เกิด 31 ธันวาคม ของปี ใดก็ตาม ถือว่า อายุ เท่ากัน ทั้งปี และ เริ่มนับ เมื่อวันที่ 1 มกราคม เป็น อายุ ครบ ปี บริบูรณ์       ทหารกองหนุนประเภทที่ 1 แบ่ง

…..จอมพลสอนทหาร ………..

             ๑. ผู้ใดเป็นผู้บังคับบัญชาและผู้ใหญ่ อย่าเป็นคนหูเบา แต่ก็มิใช่เป็นคนหูหนวกตาบอด ต้องฟังต้องดูอย่างกว้างที่สุด อยู่เสมอ แต่อย่าเชื่อคนสอพลอ หรือเชื่อคนพูดก่อนและฟ้องก่อน เพราะคนพูดภายหลังอาจพูดจริงกว่าคนที่พูดก่อนก็เป็นได้             ๒. เมื่อมีความขุ่นข้องกับผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือผู้น้อย เมื่อได้ว่ากล่าวลงโทษ หรือตักเตือนแล้ว จงอย่าจำเอาไว้ อาฆาตมาดร้ายภายหลังอีก             ๓. ให้พยายามหาความดีความงามมาสู่คณะ และปูนบำเหน็จกับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา และผู้น้อย สำหรับผู้ที่สมควรจะได้รับตามโอกาสที่จักพึงหาได้นั้นอยู่เสมอ             ๔. จงติโทษหรือลงโทษผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะที่ทำผิด โดยไม่เกรงใจหรือกลัวเขาเกลียด ให้เคร่งครัดอยู่เสมอ จะละเลยเสียมิได้เป็นอันขาด เพราะภายหลังจะกำเริบและแก้ไขยาก             ๕. จงอย่าใช้อำนาจราชการลงโทษกับผู้ซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะเมื่อตนบันดาลโทสะ และอย่ากล่าวคำหยาบ ให้กระทบกระเทือนถึงวงศ์ตระกูล เพราะผู้อื่นเขาก็มีจิตใจเป็นมนุษย์เหมือนเราเหมือนกัน             ๖. จงบำรุงการสมาคม และแสดงกิริยา วาจา ใจ ให้เป็นการโอภ