ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เชิญชวนประดับธงตราสัญลักษณ์ในหลวง ฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี

           รัฐบาลเชิญชวนประดับธงตราสัญลักษณ์ในหลวง ฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี และธงตราสัญลักษณ์เฉลิมพระเกียรติราชินี เฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ–30 พ.ค.59– รัฐบาล”เชิญชวนประดับธงและตราสัญลักษณ์ งานฉลองสิริราชสมบัติครบ 70  ปี และธงและตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 ส.ค.59  เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70  ปี  9 มิถุนายน 2559 และในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 7  รอบ ในวันที่ 12 ส.ค.59  รัฐบาล โดยคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70  ปี 9 มิ.ย.59  และคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
          เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12  สิงหาคม 59 ได้กราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานดังนี้
                  1.ตราสัญลักษณ์งานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๗๐ ปี
                  2. ตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12  ส.ค.59
                  3. กำหนดระยะเวลาการจัดงานเฉลิมพระเกียรติดังนี้
                           3.1  การจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี ตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. 59  ถึงวันที่  9 มิ.ย. 60 ,
                           3.2  การจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 59 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 59  ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 59
ทั้งนี้ รัฐบาลโดยคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติทั้ง 2 โอกาส ขอเชิญชวน
1.  หน่วยงานของรัฐประดับธงชาติไทยคู่กับธงตราสัญลักษณ์งานฉลองสิริราชสมบัติครบ 70  ปี และธงตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 59 หรือประดับทั้งธงและตราสัญลักษณ์ทั้ง 2 โอกาส ตามอาคารสถานที่ของหน่วยงาน รวมทั้ง ประดับตราสัญลักษณ์ทั้ง 2 โอกาส ตั้งโต๊ะห้องประชุมของหน่วยงานตามความเหมาะสม
                   2. หน่วยงานภาคเอกชนและประชาชนประดับธงชาติไทยคู่กับธงตราสัญลักษณ์ทั้ง 2 โอกาส หรือประดับธงและตราสัญลักษณ์ทั้ง 2 โอกาส ตามอาคารสถานที่ของหน่วยงานและบ้านเรือนตามความเหมาะสม
3. การประดับตราสัญลักษณ์ทั้ง 2 โอกาส ตามระยะเวลาของการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ สามารถประดับได้โดยไม่ต้องขออนุญาต
                   4. การนำตราสัญลักษณ์ทั้ง 2 โอกาส เพื่อใช้ประดับในสิ่งของ โครงการ หรือกิจกรรมใด ให้แจ้งขออนุญาตดังนี้ คือ
                           4.1  การขออนุญาตใช้เฉพาะตราสัญลักษณ์งานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ให้แจ้ง ขออนุญาตไปที่สำนักราชเลขาธิการ ในพระบรมมหาราชวัง
                           4.2 การขออนุญาตใช้เฉพาะตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12  สิงหาคม 59  ให้แจ้ง ขออนุญาตไปที่กองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ สำนักราชเลขาธิการ ในสวนจิตรลดา
                           4.3 การขออนุญาตใช้ทั้งตราสัญลักษณ์งานฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี และตราสัญลักษณ์ งานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา  7 รอบ 12  สิงหาคม 59  ในคราวเดียวกัน ให้แจ้งขออนุญาตไปที่สำนักราชเลขาธิการในพระบรมมหาราชวัง”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ที่มาของคำว่า เสียหมา

  มีเรื่องเล่าที่อยากมาแชร์ แต่ไม่การันตีว่าจริงแท้แค่ไหนนะเออ.... ที่มาของคำว่า .....เสียหมา.... ** "เสียหมา"** แล้ว "เสียหมา" ทำไม? จึงหมายถึง "เสียฟอร์ม - เสียท่า" "เสียหมา" เกิดขึ้นในช่วงสงครามเวียดนามเมื่อประมาณ 30 - 40 ปีก่อน ตอนนั้นยังมี เวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ สหรัฐอเมริกาหนุนเวียดนามใต้ สู้กับเวียดนามเหนือ หรือพวก "เวียดกง" "เวียดกง" เป็นเจ้าของกลยุทธ์ การสู้รบแบบ "กองโจร" "เอ็งมา ข้ามุด เอ็งหยุด ข้าแหย่ เอ็งแย่ ข้าตาม" ไม่สู้แบบปะทะตรงๆ เพราะสู้กับกองทัพสหรัฐอเมริกาไม่ได้ เขาจึงใช้กลยุทธ์ "กองโจร" ใช้วิธีซุ่มโจมตีแทน ที่เด็ดมาก และแสดงถึงความมานะอดทนของ "เวียดกง" ก็คือ การขุดอุโมงค์ใต้ดิน ต่อเชื่อมกันเป็นระยะทางไกลๆ โผล่ขึ้นมาถล่มทหารสหรัฐ แล้วก็มุดเข้าอุโมงค์หนีไป วันหนึ่ง กองทัพสหรัฐคิดวิธีใหม่ในการค้นหาอุโมงค์ของ "เวียดกง" ได้สำเร็จเขาใช้สุนัขทหารที่ดมกลิ่นเก่งมากๆ เป็นตัวนำทาง ทหารสหรัฐจะส่งสุนัขล่วงหน้าไป พอเจออุโมงค์ที่ไหน มันก็จะเห่าบอ

สด.8 คืออะไร

สด. 8           ใบ สด.8 คือ สมุดประจำตัวของทหารกองหนุนที่ผ่านการเป็นทหารกองประจำการแล้วรวมทั้งผู้ที่สำเร็จการศึกษาวิชาทหารชั้นปี 3(รด) เป็นหนังสือสำคัญ ที่ติดมาพร้อมกับ สมุดประจำตัวทหารกองหนุนประเภทที่ ๑ สด.8 จะอยู่ในสมุดประจำตัวทหารกองหนุน พร้อมหนังสือสำคัญ(แบบ สด.8) หน้ากลางเล่ม เวลาใช้งานให้ถ่ายเอกสารหน้ากลางตรงส่วนที่ระบุว่า สด.8 ทั้งสองส่วน ซึ่งจะได้รับ สด. 8 เมื่อ รับราชการทหารกองประจำการ (คือ เป็นทหารเกณฑ์ ) จนครบกำหนดปลด        เรียน รด. จบปี 3 (เพราะ จบ รด. ไม่ต้องไป เกณฑ์ทหาร และไม่ต้องเป็นทหารกองประจำการ )        เมื่อจบ รด.ปี 3 จะได้รับการขึ้นทะเบียนกองประจำการ และ นำปลด เป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1       ในวันเดียวกัน โดยไม่ต้องไปรับราชการในกองประจำการ ( ไม่ต้องเป็นทหารเกณฑ์นั่นเอง )        แต่ ยังคงเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 การนับอายุของทหาร        การนับอายุจะนับที่ปี พ.ศ. โดยเกิด 1 มกราคม ไปจนถึง เกิด 31 ธันวาคม ของปี ใดก็ตาม ถือว่า อายุ เท่ากัน ทั้งปี และ เริ่มนับ เมื่อวันที่ 1 มกราคม เป็น อายุ ครบ ปี บริบูรณ์       ทหารกองหนุนประเภทที่ 1 แบ่ง

…..จอมพลสอนทหาร ………..

             ๑. ผู้ใดเป็นผู้บังคับบัญชาและผู้ใหญ่ อย่าเป็นคนหูเบา แต่ก็มิใช่เป็นคนหูหนวกตาบอด ต้องฟังต้องดูอย่างกว้างที่สุด อยู่เสมอ แต่อย่าเชื่อคนสอพลอ หรือเชื่อคนพูดก่อนและฟ้องก่อน เพราะคนพูดภายหลังอาจพูดจริงกว่าคนที่พูดก่อนก็เป็นได้             ๒. เมื่อมีความขุ่นข้องกับผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือผู้น้อย เมื่อได้ว่ากล่าวลงโทษ หรือตักเตือนแล้ว จงอย่าจำเอาไว้ อาฆาตมาดร้ายภายหลังอีก             ๓. ให้พยายามหาความดีความงามมาสู่คณะ และปูนบำเหน็จกับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา และผู้น้อย สำหรับผู้ที่สมควรจะได้รับตามโอกาสที่จักพึงหาได้นั้นอยู่เสมอ             ๔. จงติโทษหรือลงโทษผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะที่ทำผิด โดยไม่เกรงใจหรือกลัวเขาเกลียด ให้เคร่งครัดอยู่เสมอ จะละเลยเสียมิได้เป็นอันขาด เพราะภายหลังจะกำเริบและแก้ไขยาก             ๕. จงอย่าใช้อำนาจราชการลงโทษกับผู้ซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาในขณะเมื่อตนบันดาลโทสะ และอย่ากล่าวคำหยาบ ให้กระทบกระเทือนถึงวงศ์ตระกูล เพราะผู้อื่นเขาก็มีจิตใจเป็นมนุษย์เหมือนเราเหมือนกัน             ๖. จงบำรุงการสมาคม และแสดงกิริยา วาจา ใจ ให้เป็นการโอภ